16 มิถุนายน 2556

ฝึกหัดเล่าเรื่องไปพร้อมกับภาพ : ญี่ปุ่น ตอนที่ 1




เริ่มประเดิมฝึกหัดเล่าเรื่องพร้อมภาพไปกับร้านอิซากายะที่เตะจมูกเราด้วยกลิ่น  แต่ไม่ได้เตะปากเราเพราะเราไม่ได้กิน!

สาเหตุที่เริ่มเล่าด้วยภาพนี้คงเป็นเพราะความแค้น   ...จะแค้นอะไร...ก็แค้นใจที่ไม่ได้กินน่ะสิคะ (ยิ่งนึกก็ยิ่งช้ำใจน้อยๆว่าไม่น่าพลาด)

วันแรกที่เหยียบแผ่นดินญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว  มันเริ่มด้วยการผจญฝูงชนชาวคณะทัวร์ที่มาแลกตั๋วเจอาร์พาสกันแน่นเคาน์เตอร์ที่สนามบินนาริตะ  บอกตรงๆว่ากำลังกายเริ่มถดถอยเพราะนอนไม่เต็มอิ่มมาสองคืนแล้วตั้งแต่ก่อนเดินทาง  ขึ้นเครื่องมาก็หลับๆตื่นๆเพราะกลัวเผลอกรนดัง...เกรงใจชาวโลกที่ร่วมทางในเครื่องบินลำเดียวกัน

แถวแลก JR Pass Exchange Order และแถวจองตั๋วรถไฟ (ซึ่งจะเริ่มใช้วันพรุ่งนี้ไปนิกโก) นั้นยาวเกินคาดไปเยอะบวกความเหนื่อยอ่อนของสังขารทำเอาความลั๊นลากล้าท่องโลก(ญี่ปุ่น) ในใจฉันหดลงเหลือแปดสิบเปอร์เซนต์    พอนั่งรถไฟสายเคเซเข้าเมืองเพื่อไปลงสถานีอุเอโนะ... ลงจากรถไฟก็เจอฝนอีก...ฮึ่ม! เกิดใต้ฟ้าอย่ากลัวฝนตราบใดที่ฟ้าไม่ผ่าหรือหล่นใส่หัว  เราก็ต้องไปต่อ (โดยมีร่มที่พกมาจากเมืองไทยเป็นตัวช่วย)

เราเลือกจองโรงแรมแถวอุเอโนะในวันแรกเพราะเป็นย่านที่รถไฟสายเคเซจอด   วันต่อไปที่เริ่มใช้เจอาร์พาสไปเที่ยวนิกโกก็ต่อรถไม่ยุ่งยากแถมโรงแรมที่เลือกไว้ก็มีคนทำรีวิวเส้นทางไปโรงแรมแบบครบขั้นตอนตั้งแต่ก้าวเท้าลงจากสถานี Keisei Ueno ยันก้าวเท้าเข้าโรงแรมกันเลยทีเดียว


เอาสัมภาระและตัวกลมๆสองร่างเช็คอินเข้าพักโรงแรมเสร็จ  (คิดดู  กว่าจะเข้าเมืองได้  มันถึงเวลาที่เราสามารถเช็คอินได้แล้วนั่นคือสี่โมงเย็น  หมดเวลาเที่ยวไปหนึ่งวัน)  เราก็ตัดสินใจว่านี่มันก็เย็นแล้ว  ไปเดินเพลินๆที่ตลาดอะเมโยโกะซึ่งอยู่ในย่านอุเอโนะ  หาข้าวกินแล้วนอนเร็วหน่อยดีกว่าเพราะพรุ่งนี้ต้องไปนิกโกแต่เช้ามืด


ตลาดอะเมโยโกะนี่มันเดินมันจริงๆนะ  ถ้าคุณไม่รังเกียจความคึกคักแบบที่เราเห็นตามตลาดสวนหลวงหรือตลาดน้ำ  และเราจะมันมากกว่านี้ถ้ามีพ็อคเก็ตมันนี่สำหรับช็อปปิ้งเยอะๆ (ทั้งสตรอเบอร์รี่ลูกโตจิ้มนมข้น ผลไม้มากมายเต็มตลาด รองเท้าผ้าใบแจ่มๆที่วางโชว์มันช่างเย้ายวน)   ส่วนทีมเรา (อิฉันและคู่หูคู่ฮา) ไม่มีงบประมาณช็อปปิ้งเลยได้แต่เดินดูข้าวของเพลินๆ และหัดบำเพ็ญตบะด้วยการดูของที่อยากได้เยอะๆ สร้างกิเสสแล้วดับกิเลสด้วยการไม่ซื้อ (ถ้ายังอยากมีเงินเที่ยวต่อในวันอื่นๆที่เหลือ)


ฉันเคยเห็นรูปจากกระทู้ในพันทิปและหนังสือท่องเที่ยวว่าในตลาดอะเมโยโกะมีร้าน"จิราชิ ซูชิ" ข้าวโปะหน้าปลาดิบพูนๆในราคาย่อมเยา  ฉันมุ่งมั่นจะไปกินจิราชิซูชิก็จริง  แต่จมูกฉันมันก็ดันโดนเตะไปแล้วด้วยกลิ่นจากร้านในรูป (อ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก-เขียนไม่เป็น  ฉันเลยตัดเอาป้ายชื่อร้านมาแปะไว้ในรูปที่ฉันวาดนี้)


คนเรา เมื่อถึงทางแยกก็ต้องเลือกว่าจะไปทางไหน  จิราชิ ซูชิ ที่มีป้ายภาพอาหารพร้อมราคาให้เลือกจิ้มสั่งหรือร้านที่ขายอะไรก็ยังไม่รู้ แต่ส่งกลิ่นยั่วยวนในภาพ...ณ นาทีนั้น เราเลือกความสะดวกอิ่มท้องก่อน ฉันว่าเราเลือกไม่ผิด แต่ก็ไม่รู้ว่าเลือกถูกมั้ยเพราะอาหาร (ซึ่งน่าจะ) อร่อยที่โรยหน้าด้วยความตื่นเต้นตุ๊มๆต่อมๆเป็นออเดิร์ฟที่ร้านอิซากายะมันก็น่าเสียดายชะมัดเลย


ทุกๆทางเลือกเนี่ยมันต้องเสี่ยงทั้งนั้นเนอะ 

3 ความคิดเห็น:

LoveIsInTheAir กล่าวว่า...

ตามมาไลค์ด้วยค่ะ^_^

Littleblackoz Studio กล่าวว่า...

ไปครั้งมี่สองก็ไปพักใกล้ตลาดอะเมะโยโกนี่ล่ะ มีแต่ของกิน ของใช้เพียบเลย กลับมาตอนคํ่าๆไม่เดือนร้อนเรื่องของกิน สนุกมากๆ ว่าแล้วก็อยากไปอีก อ้อยไปนิกโกเหมือนกัน แต่ไม่ได้ซื้อเจแปนเรียลพาส เพราะความขี้เกียจ ฮิ ฮิ มาอ่านแล้วได้รำลึกไปด้วย ^ ^ เพลินเลย

aim.mo กล่าวว่า...

ขอบคุณคับพี่แอ้...ส่งกำลังใจให้พี่แอ้เขียนนิยายออกมาเสร็จสมใจไวๆด้วยนะฮับ

อ้อยซัง...ที่จริงถ้าไม่ซื้อเจอาร์พาส ค่ารถรวมๆแล้วก็ถูกกว่าซื้อพาสนิดนึงล่ะ แต่เรากลัวหลงเลยซื้อเหมาเผื่อไว้ >.<...นี่เราเขียนไปก็นึกยิ่งอยากไปเที่ยวอีกเหมือนกัน ^ ^