15 มีนาคม 2556

เสียงของหัว (ใจ)

ตั้งแต่เริ่มฝึกหัดวาดภาพมาปีกว่าๆ  เริ่มจะรู้สึกว่าตัวเองเข้าใจบางอย่างเกี่ยวกับการวาดภาพ (รวมทั้งงานด้านอื่นๆ) ขึ้นมามาก

ครั้งแรก คือเมื่อสามสี่เดือนก่อนที่อยู่ๆขณะที่วาดรูป ในหัวของฉันเหมือนมีเสียงคลิ้กเบาๆ  แบบเดียวกับเสียงของชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ที่วางลงไปได้พอดีดังขึ้น

เป็น "คลิ้ก" ที่ทำให้ตกใจนิดหน่อย  เพราะอยู่ๆก็รู้สึกเหมือนพระเจ้ามอบพรวิเศษให้วาดรูปได้อย่างใจขึ้นแบบกระทันหัน  พรวิเศษนี้ต้องแลกกับอะไรหรือเปล่านะ ...ฉันแอบคิดเงียบๆในใจ   และแล้ว...เมื่อนิ้วมือทั้งสิบของฉันเริ่มเจ็บ  ...คำถามนี้ก็วนเวียนมาอีกรอบ  เอ...นี่เราต้องแลกนิ้วกับพรวิเศษใช่ไหม

เสียง "คลิ้ก" ครั้งที่สองเกิดขึ้นวันนี้ขณะที่วาดรูปเด็กหน้าตาแป้นแล๊นในรูปข้างล่างนี่ 

คนอื่นๆอาจจะรู้สึกว่าทำไมฉันจึงรู้สึกคลิ้กกับรูปที่วาดเร็วๆ ลายเส้นเรียบง่ายเหมือนวาดเล่นแบบนี้

และอีกหลายๆคนที่ฝึกฝนวาดรูป และวาดรูปมานานก็อาจจะเข้าใจและคิดเหมือนที่ฉันคิดว่าเราต้องผ่านการวาด วาดและวาดมามากมายจนสามารถวาดเส้นสบายๆแบบนี้ได้

พอมาคิดดู  เสียง"คลิ้ก" ครั้งแรกนั่น   มันก็ใช่... มันเป็นการที่ฉันต้องแลกนิ้วมือทั้งสิบไปกับการวาดรูปที่ได้ดั่งใจมากขึ้น  มันเป็นนิ้วที่เลือกแล้วว่าจะลงมือทำอะไร...เป็นนิ้วที่ลงมือฝึกฝน ...มันจึงเจ็บ

เสียง "คลิ้ก" ครั้งที่สองมาแบบเฉียบพลัน แต่ไม่สร้างความหวาดกลัวเหมือนครั้งแรก

ฉันรู้สึกว่า "คลิ้ก" ครั้งที่สองเป็นของแถม  เป็นเสียงคลิ้กที่เหมือนจะบอกว่าจะมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นตามมา  ขอให้มีความสุขกับการวาดภาพและฝึกฝนต่อไป  เพราะคนที่มีความสุขที่สุดและมีความสุขได้แทบทุกวันจากภาพวาดเหล่านี้  เท่าๆที่ฉันรู้...คือตัวฉันเองนี่ล่ะ :)



10 มีนาคม 2556

เพื่อนยามค่ำคืน

ที่บ้าน...บนต้นโมกสูงประมาณสองเมตร กิ่งบางๆของมันมีนกสองตัว (ไม่รู้ว่ากระจิบ กระจอกหรือนกอะไร ดูไม่ออก) มายืนหลับคู่กันอยู่สองคืนแล้ว

ตอนแรก ฉันก็ค่อนขอดมันในใจว่า "โง่จัง มาเกาะกิ่งเตี้ยๆแบบนี้จะปลอดภัยได้ยังไง" แต่นึกไปนึกมา เฮ้ย มันฉลาดนี่หว่า นอนหลับบนกิ่งบางๆที่สัตว์อื่นเกาะไม่ได้ และกิ่งก็สูงเหนือระยะกระโดดของแม
   เหนือระยะที่คนจะเอื้อมมือถึงไปหน่อยๆ พอให้รู้ตัวทันว่ามีอันตรายเข้ามาใกล้แล้วบินหนีไปได้ทัน 

กิจกรรมของบ้านนี้ยามดึกเลยเป็นการลุ้นว่าคืนต่อๆไป  เจ้านกคู่นี้จะยังมานอนหลับที่เดิมอีกมั้ย :)



8 มีนาคม 2556

เจ้าหนอนเขียว




วันมาฆบูชาที่ผ่านมา  ฉันคิดไปเองว่าฟ้าส่งโอกาสมาให้ทำดีเมื่อขึ้นไปนั่งบนรถเมล์แล้วเจอเจ้าหนอนเขียวตัวจ้อยเกาะบนแขน

เจ้าหนอนคงตกลงมาจากต้นไม้ใหญ่ที่ฉันหยุดยืน แหงนหน้ามองอยู่พักใหญ่ระหว่างทางเดินไปป้ายรถเมล์

แว่บแรก ฉันปัดเจ้าหนอนตกลงไปจากแขน  แต่พอนึกว่าหนอนที่คลานบนแผ่นเหล็กร้อนๆข้างขอบหน้าต่างรถเมล์จะรอดมั้ยถ้าค้างติดอยู่บนนี้  ฉันเลยหยิบกระดาษทิชชู่ยับยู่ยี่จากเป้ขึ้นมา  จับเจ้าหนอนใส่ลงไปในห่อกระดาษ  พับกระดาษคลุมหนอนแล้วกำมือไว้หลวมๆพอไม่ให้เจ้าหนอนหลุดออกไปโดยหมายมั่นในใจว่าจะเอาหนอนไปปล่อยไว้ตรงต้นไม้หน้าบ้านใหญ่ที่มีต้นไม้ร่มครึ้มข้างห้างเดอะมอลล์ บางกะปิ

รถเมล์จอดเทียบป้ายที่หน้าห้าง  ฉันพึมพำขอโทษเจ้าหนอนว่าฉันขี้เกียจฝ่าดงแดดเดินย้อนกลับไปที่บ้านนั้นแล้วล่ะ  ขออนุญาตปล่อยเธอไว้ที่พุ่มไม้สวยๆหน้าห้างนะ  อาจไม่ใช่ป่ากลางเมืองแบบบ้านหลังนั้น แต่ก็ดูร่มรื่นปลอดภัย

ฉันคิดไปเองว่าเจ้าหนอนพยักหน้าหงึกหงักยอมรับเพราะพอฉันยื่นมือเข้าไปใต้ต้นไม้แล้วคลี่ห่อกระดาษออก เจ้าหนอนก็ดูสุขสบายดีบนใบเขียวๆของต้นไม้พุ่มกลางๆหน้าห้าง

ผ่านมาหลายวันแล้ว  ป่านนี้คงกลายร่างเป็นผีเสื้อไปแล้วมั้ง