26 มกราคม 2555

แต่งตัวให้สายสะพายกล้องกันเถอะฮะ :)

เอ็มใช้กล้องพานาโซนิค LX3 มาสามปีได้แล้วมั้ง  ชักอยากแต่งตัวเค้าค่ะ
แต่งยังไง...แต่งที่สายสะพายแล้วกัน...พอทำเองได้ อิอิ

 ขั้นตอนแรกของการทำคือจินตนาการค่ะ   คิดๆๆนึกๆๆๆว่าเราอยากได้สายสะพายแบบไหน  สีเจ็บลายจุดคาวาอี้  หรือสีโทนอุ่นๆ แอบหวานหน่อยๆ

เอ็มโม่จินตนาการแบบนี้ค่ะ


ไม่ว่าเราจะจินตนาการไปแบบไหน  ตอนทำจริงให้นึกไว้นะคะว่าถ้าเราเลือกใช้สีอ่อนไป  เวลาใช้สายนี้จะถูกับคอค่ะ  เกิดสาวๆลืมถูกขี้ไคลละก็  หุ หุ หุ   หรือถึงเรามั่นใจในความสะอาดของเราก็ให้ระวังเรื่องเครื่องสำอางนะคะ  หลายๆคนทาแป้งที่คอด้วยอาจจะทำให้เกิดคราบได้ค่ะ  ไม่เอาๆ ไม่สวยๆ :P

เอาล่ะขั้นต่อไปก็วาดแผน  ...แล้วจะทำให้มันออกมาแบบนี้ได้ยังไง (วะคะ)


คิดเสร็จก็เขียนไว้นะคะ  เตรียมทดลองทำ อิอิ

วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้
1. กระดุมปิ๊กแป๊ก เลือกเม็ดเล็กๆนะคะจะติดแล้วงานเนียนกว่า  (ของเอ็มที่มีอยู่เป็นแบบเม็ดใหญ่ 22 มล.ค่ะ  ใหญ่ไปนิ๊ด  แต่ก็ทู่ซี้ใช้ได้ไม่อยากเสียตังค์เพิ่ม :P)
2.  ผ้าลายที่ชอบตามขนาดที่ต้องใช้   ในที่นี้  เอ็มโม่ใช้ผ้าทอที่ตัวผ้าทั้งสองด้านเหมือนกันเลยไม่มีซับในนะคะ
3. เทปลูกไม้เส้นเล็ก  ยาวเท่าความยาวผ้า
4. อุปกรณ์ตัดเย็บพื้นฐาน ด้ายสีที่เหมาะกับผ้า

เตรียมของแล้ว...ต่อไป เราก็วัดขนาดสายเดิมของเรานะคะ  สายกล้องมักจะมีส่วนเป็นแผ่นกว้างช่วงสะพายคอ...เราก็วัดเฉพาะช่วงนั้นค่ะ (เขียนเอง งงเอง  เข้าใจกันใช่ไหมคะ)


สาย LX3 ของเอ็มโม่มีขนาดตามนี้ (เฉพาะช่วงที่กว้างกว่าปกติ...ไม่ใช่ความยาวทั้งเส้น)
กว้าง 1.5 ซม.
ยาว 70 ซม. 

วิธีคิดแบบกำปั้นทุบดินคือเอ็มโม่ก็คือ  เรามีผ้าทอซึ่งเหมือนกันทั้งด้านหน้าด้านหลัง...ทำให้ไม่ต้องเย็บชิ้นซับใน  เพราะงั้นไม่ต้องเผื่อผ้าเย็บซับใน

แต่เผื่อผ้าให้พอทบกันล้อมสายเดิมได้ เผื่อพับ เผื่อขอบเย็บอีก เลยลองคำนวนตามนี้

เผื่อล้อมสายเดิมก็เท่ากับความกว้าง 1.5 ซม. x 2  = 3 ซม.   เผื่อพับ เผื่อขอบเย็บอีก  บวกไปเลยเท่านึง แล้วบวกอีก 1 ซม.สำหรับระยะเย็บติดกระดุม  รวมแล้วเป็น 7 ซม.


 ความยาวเผื่อขอบทบ เผื่อเย็บ เผื่อผ้ารั้ง เผื่อพลาด  จากยาว 70 ซม.  ก็ใช้ผ้าเผื่อไปเป็น 80 ซม


สรุป ตัดผ้าชิ้นที่ต้องการที่ 7 x 80 ซม.ค่ะ

เอาล่ะทีนี้ก็ลงมือ  พับทบเพื่อเย็บตะเข็บตามทางยาวของผ้าทั้งสองด้านค่ะ  พับเสร็จก็กลัดเข็มหมุดไว้แล้วเนาเวลาเย็บจะได้เนี๊ยบ  (แต่ของโม่เองชิ้นนี้ไม่ได้เนานะ ชิ้นทดลองเลยแอบขี้เกียจค่ะ)


เย็บทบเสร็จก็ติดลูกไม้ไปค่ะ  ติดตามยาวด้านตะเข็บ-ด้านเดียวนะคะ  ก่อนติดลองกลัดเข็มหมุดแล้วพับทบมาดูหน่อยว่าได้อย่างใจไหม


พอใจแล้วก็สอยลูกไม้ติดเข้าไปค่ะ


เสร็จแล้วก็ติดกระดุมปิ๊กแป๊กคู่ไปตามทางยาวผ้าทั้งสองด้านค่ะ  เว้นระยะแต่ละเม็ดอย่าเกิน 1.5 นิ้วนะคะเวลาติดกระดุมแล้วใช้สะพายจริงจะได้ไม่เป็นรูโหว่นะคะ  (ของเอ็มทำตอนแรกเว้นระยะ 3 นิ้ว  ออกมาสวยแต่พอสะพายแล้วรอยต่อมันโหว่อ่าา....เลยต้องสอยเพิ่ม แงๆ  >_<)




แต่ก็เสร็จแล้ว...


ออกมาสมใจ  ฮี่ๆๆ =^_______^=

หลังจากทำเสร็จนะคะ  เอ็มโม่นึกได้ว่า เฮ้ยย มันมีวิธีที่เนี้ยบและง่ายกว่านี้นี่นา  คือแทนที่เราจะใช้กระดุมปิ๊กแป๊ก  เราติดเวลโคร (เทปตีนตุ๊กแก) ไปเลย  ใช้สีขาวหรือดำให้เข้ากับเนื้อผ้า   เล็ม/ตัดเทปให้เล็กหน่อย จะได้ไม่ต้องเผื่อผ้าเยอะ เดี๋ยวสายจะหนาเกินงาม  และควรทำซับในด้วยค่ะ  จะได้ไม่ต้องสอย  ใช้เย็บจักรเทปเวลโครให้แน่นหนาไปเลย  ส่วนการเผื่อผ้าก็จะต่างไปจากนี้นะคะ  ลองไปปรับทดลองดูนะคะ

หวังว่าจะลองมาปลื้มเหมือนเอ็ม (หลงงานตัวเอง อิอิ)  :D

24 มกราคม 2555

ของเก่าเล่าใหม่

แต่ก่อนก็ไม่ค่อยเข้าใจ  โห ทำไมเราต้องมีหมอนปักเข็มรัดไว้ที่ข้อมือด้วยแบบที่ยี่ห้อ Clover เค้าทำออกมา

พพอเอ็มโม่เริ่มเย็บม่านก็ชักจะเข้าใจ  เวลาเช็คระยะขอบผ้าในแนวดิ่ง  จะให้กลัดผ้าที หันไปหยิบเข็มกลัดที่ก็เวียนหัวเหลือหลายค่ะ เข้าใจเลยว่าต้องพึ่งพาหมอนปักเข็มแบบนี้ล่ะจะสะดวกสบายขึ้น

แต่ของ clover ก็แพงจังถึงจะน่ารักก็เหอะ ตั้ง 500 กว่าบาทเชียวนะ :(

งานนี้ต้องอาศัยของเก่ามาเล่าใหม่ค่ะ ฮึ่มๆ

ถ้ายังจำได้  ตอนเย็บของใหม่ๆ  เอ็มโม่เย็บ หมอนปักเข็มจากถ้วยขนม

คราวนี้  เอ็มโม่เอางานนี้มาโมใหม่  เย็บสายยางยืดแปะลงไป  ที่จริงใช้เส้นใหญ่ๆหน่อยจะน่ารักกว่านะคะ  ถ้าขยันก็เย็บผ้าหุ้มเข้าไป  แต่เอ็มโม่ขี้เกียจค่ะ  ก็เย็บติดกันไปเฉยๆ เย็บด้วยด้ายแดงให้มีเส้นเย็บชัดๆไปเลยก็รู้สึกว่าน่ารักขึ้นนะคะ  ถ้าไม่รำคาญจะเย็บอะไรกุ๊กกิ๊กติดที่จุดมัดยางยืดก็คงน่าเอ็นดู


ใช้ง่าย สบาย อ้อ..เอ็มเปลี่ยนไส้ในจากสำลีซึ่งทำให้เข็มเป็นสนิมเป็นใยสังเคราะห์แล้ว  ยิ่งเวิร์คเข้าไปใหญ่เลยค่ะ ^ ^

ลองทำดูนะคะ  ใช้สะดวก ทำง่ายจริงๆ :)

18 มกราคม 2555

คุณปู่ฝรั่ง


จู่ๆก็นึกถึงคุณปู่ฝรั่งร่างสูงโปร่งคนนึงขึ้นมา

.....

ฉันเจอคุณปู่คนนั้นเมื่อ 14-15 ปีก่อนได้  ประโยคแรกที่เราเริ่มสนทนากันคือ "เธอกำลังถ่ายอะไรหรือ"


ขณะนั้น ฉันกำลังยกกล้องเล็งไปที่นั่งร้านก่อสร้างซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณตึกเก่าที่กำลังบูรณะอยู่ (ฉันจำไม่ได้ว่าตึกนั่นคือวังหรือเปล่าเพราะสมุดบันทึกตอนไปเที่ยวคราวนั้น อันตรธานไปพร้อมข้อมูลทั้งหมดพร้อมความจำแสนสั้นราวปลาทองของฉัน)


ตึกเก่านั้นตั้งอยู่ในบริเวณสวนขนาดใหญ่ ในประเทศโปแลนด์


ฉันตอบกลับคุณปู่ด้วยภาษาอังกฤษแบบทุลักทุเล คือภาษาอังกฤษที่คงฟังเข้าใจเองคนเดียวและมือไม้ส่ายไปมาด้วยคิดว่ามือที่ขยับนี้คงทำให้คุณปู่เข้าใจภาษาอังกฤษของฉันง่ายขึ้นว่า "หนูกำลังถ่ายรูปการซ่อมสร้างตึกค่ะ  คิดว่าบางครั้งมันน่าสนใจกว่าภาพตึกที่สวยงามอยู่"


คุณปู่หัวเราะและชวนฉันเดินไปตรงตึกด้านหน้า  "ภรรยาฉันรออยู่ข้างในนั้น" คุณปู่บอกว่าอย่างนี้


น่าแปลกมากที่ความทรงจำของฉันเป็นภาพฉันกับคุณปู่ฝรั่งคนนั้นเดินจูงมือกันไปที่ตึก  ทั้งๆที่ความจริงเราแค่เดินคุยเคียงกันไปเท่านั้น


ฉันออกตัวว่าพูดภาษาอังกฤษได้ไม่ดี  และชมคุณปู่ว่าพูดภาษาอังกฤษเก่งจัง  คุณปู่บอกว่าคุณปู่พูดได้สี่ภาษา คือภาษาโปแลนด์ ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส และภาษาเยอรมัน 

..มันจำเป็นนะ โดยเฉพาะในช่วงสงคราม หนึ่งในเหตุผลของความสามารถทางภาษาของคุณปู่


คุณปู่ทิ้งท้ายกับฉันว่าอย่าลืมไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มนะ  จะได้เก่งๆ  คุยกันได้มากขึ้น เรียนภาษาอื่นให้ได้ด้วยอีกก็ดี


หลังจากเหตุการณ์ในสวนวันนั้น  ภาษาอังกฤษฉันดีขึ้นนิดหน่อยเพราะเรียนเอาเองจากหน้าที่การงาน  ภาษาจีนกลางขั้นพื้นฐานที่เคยไปเรียนน้อยนิดก็ลืมหมด  ภาษาฝรั่งเศสเมื่อสมัยมัธยมปลายก็ละลายไปแล้วตั้งแต่ก่อนเจอคุณปู่


อืม  วันที่คิดถึงคุณปู่แบบนี้...ดูเหมือนฉันจะรู้สึกผิดนิดๆแฮะที่ไม่ได้ทำตามที่พยักหน้าหงึกหงักคล้ายเป็นคำมั่นให้กับคุณปู่ในวันนั้น

17 มกราคม 2555

วันฟ้าหม่น



วันที่ฟ้าหม่นๆ  บางครั้งก็นึกอยากวาดภาพแบบนี้ขึ้นมา

ตลกตัวเองเหมือนกัน  ที่เดี๋ยวกุ๊กกิ๊ก เดี๋ยวมีท่าทีมึนชา ทั้งรูปที่ตัวเองวาดเล่น ทั้งตัวตนตัวเองจริงๆ

อืม...แต่คนอื่นเค้าก็คงเป็นเหมือนกันละมั้ง...

...จริงไหมคะ ^ ^

12 มกราคม 2555

เลาะ เลาะ เลาะ

รูปมืดไปหน่อย ขออภัยนะคะ ถ่ายรูปตอนหัวค่ำแล้ว

ตอนนี้ เอมโม่กำลังทำผ้าม่านค่ะ  เป็นของที่เพื่อนสั่งซื้อ  เอาล่ะเว้ยเฮ้ย!   บ้านตัวเอง อิฉันยังไม่เคยทำม่านเองเลย ทำเสร็จคงต้องขอเอาไปอวดให้แม่ปลื้มก่อนเลย


แต่พอมาลองทำก็สนุกดี  นั่งหาข้อมูล วิธีเผื่อผ้า  แล้วก็คิดแบบแล้วก็ตามล่าผ้าที่พาหุรัด


เลือกผ้านี่มันเรื่องใหญ่เลยนะคะ  เรื่องผ้าเนี่ย...เอมโม่ว่ามันต้องให้สัมผัสที่ดี  ตื่นนอนมาเห็นแล้วแช่มชื่นไม่หม่นหมองอ่ะค่ะ)


เพื่อนสั่งทำ 4 ชิ้น  ...วันนี้ ทำเสร็จแบบยังไม่ได้เก็บรายละเอียด 2 ชิ้นก็พบว่า เฮ้ย  ทำไมเราเย็บขอบแบบนั้น  ถ้าทำอีกแบบจะสวยเรียบร้อยกว่าเยอะ


เอ่อ  ..ก็อยากจะขี้เกียจปล่อยมันไปนะคะ  แต่ก็ทำไม่ได้ไม่งั้นมันคงค้างคาใจจนวันตายแน่ (ไม่ได้โอเว่อร์นะคะ  เชื่อว่ามันจะเป็นตราบาปเพราะนี่ก็ทำให้เพื่อนเลิฟ)


จะทำยังไงได้ละคะ  ..ก็ต้องเลาะทำใหม่น่ะเซร้ >_<


แต่เอาเถอะ ดีกว่าไปนึกได้ตอนส่งมอบแล้ว  ไม่งั้นเอมโม่คงต้องนั่งรถข้ามฟากกรุงเทพไปแก้งานให้ที่บ้านเพื่อนแน่ๆ


แว่บมาบ่น ...ยังเย็บไม่เสร็จหรอค่ะ แหะ แหะ แหะ :P

9 มกราคม 2555

คุณค่าของที่รองแก้ว (ในใจฉัน)

ของแต่ละชิ้นมีคุณค่าในตัวเองทั้งนั้น  ไม่ว่ามันจะทำมาจากดีไซเนอร์ฝีมือเยี่ยม หรือของเด็กน้อยหัดทำ…ผลิตจากฝีมือคนเย็บหรือฝีจักรอุตสาหกรรม…ราคาถูกแสน ถูกหรือราคาแพงแสนแพง   ของอย่างนี้มันขึ้นอยู่กับคนมองและเจ้าตัวคนทำเอง  เราจะไปกะเกณฑ์คนอื่นให้รู้สึกถึงคุณค่าของอะไรให้เหมือนเรามันก็คงเป็นไป ไม่ได้..

คงได้แต่เชิญชวนให้ลองมองดู  หรือบอกให้รู้ว่าเราคิดยังไงกับของชิ้นนั้นค่ะ :)


วันนี้ เอ็มโม่เลยชวนมาดูของที่เอ็มโม่ซื้อมาเป็นปีแล้วค่ะ  ตอนแรกไม่กล้าใช้แต่ตอนนี้จะเอามาใช้แล้วเพื่อให้ของชิ้นนี้มีคุณค่าขึ้นไปอีก


ของสองชิ้นนี้คือที่รองแก้ว  ฝีมือผู้สูงอายุที่บ้านพักคนชราบางแคค่ะ  ราคาชิ้นละ 25 บาทแต่สวยจับใจเลยนะคะ  ถึงรูปลักษณ์จะไม่ทันสมัยเก๋ไก๋  แต่สวยก็คือสวยค่ะ

เอ็มโม่เคยดูสัมภาษณ์คุณปาน – สมนึก คลังนอก  เธอตอบคำถามที่ว่าแต่ละภาพวาด  คุณปานใช้เวลาวาดนานไหม   คุณปานบอกว่าทั้งชีวิต เพราะถึงแม้จะวาดงานด้วยเวลาแค่ 30 นาทีแต่กว่าจะวาดออกมาตามนี้  มันก็อาศัยและประมวลมาจากชีวิตเราที่ผ่านมาทั้งชีวิตค่ะ

ที่รองแก้วชิ้นนี้ก็เหมือนกันค่ะ  …คงได้ใช้เวลาหลายสิบปีประมวลออกมาเป็นของชิ้นเล็กๆสองชิ้นนี้ด้วยฝีมือของผู้สูงอายุ

ราคาและคุณค่าของสิ่งของแต่ละชิ้นอาจจะเป็นไปในทางเดียวกันหรือเป็นไปใน ทางกลับกันก็ได้  พอใจก็ซื้อ ไม่พอใจก็ปล่อยให้ของชิ้นนั้นๆรอเจอคนที่ถูกใจเขาต่อไปค่ะ


แต่ในเมื่อของสวยๆ ราคาย่อมเยาเหลือใจ แถมยังมีวันเวลาของฝีมือผู้สูงอายุประทับอยู่ในของชิ้นนั้นด้วย  ของชิ้นนั้นในสายตาเอ็มโม่จึงมีค่ามากและอยากเชิญชวนให้คนอื่นได้ลองทำความ รู้จัก  ลองแวะเวียนไปชม…เผื่อจะได้ของที่มีคุณค่าเหมาะใจกันเหมือนอย่างที่เอ็มโม่ ได้มาค่ะ

แล้วคุณละคะ มีสิ่งของชิ้นไหนที่มีคุณค่าถูกใจอยากเล่าสู่กันฟังบ้างไหมคะ

4 มกราคม 2555

D.I.Y. ง่ายจังกับที่รองแก้วใบไม้ 2in1


สวัสดีปีใหม่ พ.ศ. 2555 ค่ะ  หวังจริงจริ๊งว่าปีนี้เราๆจะได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า อย่างที่นิยมอวยพรกัน ^____^

ปีใหม่นี้ เอ็มโม่ขอปฏิบัติการ D.I.Y. ก่อนเลยหนึ่งชิ้นเพราะของชิ้นนี้อยากได้ อยากทำมาตั้งแต่ปีที่แล้ว   ทุกครั้งที่ดื่มกาแฟ ดื่มน้ำอัดลม  เอ็มโม่ก็จะหงุดหงิดตัวเองทุกทีว่าทำไมไม่ลงมือทำที่รองแก้วของตัวเองซะที

เริ่มปีใหม่มาสี่วันแล้ว  ทำเลยดีกว่าไม่งั้นก็มีโปรเจ็คท์พอกหางหมูโม่อย่างนี้มากมาย

เอาล่ะค่ะ  มาเริ่มไปพร้อมกันนะคะ


ขั้นแรก  หากระดาษแข็งหน่อยมาร่างแบบก่อน  ถ้าเวิร์คจะได้ใช้เป็นแพทเทิร์นไปชั่วชีวิต อิอิ

อย่าไปสิ้นเปลืองกับกระดาษแบบค่ะ  รักษ์โลกด้วยการ reuse ดีที่สุด  ชิ้นนี้เป็นกระดาษกล่องอาหารแช่แข็งค่ะ  เอ็มเอามาใช้ซะเลย


เราลองร่างแบบด้วยดินสอก่อนนะคะ  เอ็มโม่จะทำเป็นรูปใบไม้ก็ร่างไปเป็นทรงวงรีปลายแหลม  ที่สำคัญคือเราใช้มันเพื่อรองแก้ว  อย่าลืมเอาแก้วแต่ละแบบที่เราใช้ประจำมาเทียบขนาดให้พอเหมาะกับการใช้งานด้วยนะคะ


ถ้าร่างจนพอใจแล้วก็ลุยลงหมึก  แล้วตัดตามแบบค่ะ



เอาแบบกระดาษแข็งไปวาดลอกลงผ้าด้วยปากกาเขียนผ้านะคะ  แล้วตัดผ้าตามแบบ (ตัดเป็นสี่เหลี่ยม  เผื่อด้านข้าง เผื่อเย็บไว้นิดหน่อย)

เราตัดผ้าสามชิ้นนะคะ  1. ชิ้นหน้า (น้ำตาลลายจุด) 2.ชิ้นหลัง (เขียวอมเทา) 3. ใยสังเคราะห์

เอาผ้าทั้งสามชิ้นประกบกัน  เอาชิ้นน้ำตาลและชิ้นเขียวอมเทา "ผ้าด้านถูก"  ประกบกัน  ตามด้วยใยสังเคราะห์อยู่ล่างสุด  วางเรียงตามในภาพค่ะ




เรียงแล้วก็ลงมือเย็บตามรอยที่เราวาดไว้นะคะ  เว้นช่องกลับผ้าที่ด้านล่างประมาณ 4 ซม.



ที่จริงเย็บด้วยด้ายสีตุ่นๆหน่อยจะสวยกว่าค่ะ  แต่นี่อยากให้เห็นชัดก็เลยเย็บด้วยด้ายขาว

เย็บเสร็จก็เล็มใยสังเคราะห์ออก (เล็มให้ชิดรอยเย็บที่สุด)   เล็มผ้าออกด้วย (เหลือผ้าเป็นขอบไว้ซัก 0.5 ซม.)   มีเทคนิดนิดหน่อยที่โม่อ่านมาจากตามเว็บค่ะ  คือตรงส่วนปลายแหลมอย่างปลายใบไม้ในรูป  เราควรตัดตามแบบในตัวอย่างที่โม่ทำค่ะ  เวลากลับผ้า  ตรงปลายจะออกมาแหลมสวยกว่า



เล็มเสร็จก็กลับผ้าด้านถูกออกค่ะ  ...เริ่มจะเป็นใบไม้แล้ว อิอิ  ทีนี้ก็ใช้อาวุธทิ่มๆดันๆเข้าไปข้างในเพื่อจัดผ้าให้เรียบร้อยไม่ยู่นะคะ  ในที่นี้โม่ใช้ตะเกียบเหล็กค้าบ   เพื่อนซื้อมาจากจากเกาหลี เอามาใช้ประโยชน์ซะให้คุ้ม ฮิฮิ



ต่อไปก็ทำก้านค่ะ  เราใช้เศษผ้าน้ำตาลลายจุดที่เหลือจากการเล็มทิ้งมากลับด้านพื้นน้ำตาลออก  พับทบให้เป็นก้านใบแล้วสอยปิดขอบให้เรียบร้อย  เสร็จแล้วก็เสียบไปที่ตรงที่เราเว้นไว้กลับผ้าค่ะ   สอยปิดช่องกลับผ้าและเย็บก้านติดก็เสร็จแล้ว

อ๊ะ  ลืมไปเรื่องนึง แง่งๆ >_<

เอ็มโม่ลืมปักลายใบไม้ลงผ้าก่อนเย็บประกอบ  -___-



โฮะๆๆ  แต่นึกๆไป  ลืมก็ดีเหมือนกันเพราะมาปักลายทีหลังได้เพียงแต่จะยุ่งยากนิดนึงและไม่สวยเท่าปักก่อนประกอบค่ะ   แต่ก็เหมือนโชคดีในความโก๊ะของตัวเองเพราะถ้าปักลายใบไม้ก่อน  มันจะยากตอนเย็บประกอบร่าง  เราต้องกะให้ดีไม่งั้นลายจะเบี้ยวค่ะ

เอาล่ะเสร็จแล้ว  ที่รองแก้วใบไม้ 2in1 :D



ใช้ได้สองด้านเลยค้าบ  ลองทำกันดูนะคะ :D