24 กันยายน 2556

วาดภาพแบบอนาล็อกผสมดิจิตอล :P

ไม่ได้อัพบล็อกซะนานเพราะเข้าใช้ blogspot ไม่ได้และเข้า gmail ไม่ได้ด้วย  ตอนแรกก็นึกว่าแอคเคานท์โดนแฮ็คหรืออะไรไปไกลเลยนะคะ แต่พอลองเปลี่ยนจาก Chrome มาเป็น Firefox ก็เปิดได้ปกติ

ตลกดี ใช้ Chrome กลับเปิด gmail ไม่ได้ -_-')


ช่วงที่เข้าใช้ gmail ไม่ได้  เป็นช่วงเดียวกับที่เอมได้แท็บเลต Ipad Mini มาพอดี ...โปรเจ็คท์ที่คิดจะซื้อกราฟฟิค แท็บเลตอย่าง Wacom Bamboo เลยพักไว้ก่อนค่ะ  มาลองวาดในแท็บเลตธรรมดาๆนี่ก่อนเพราะได้มาโดยไม่ต้องซื้อ ...ไว้ถนัดกว่านี้ก็คงหากราฟฟิคแท็บเลต (ที่ต้องเสียเงินซื้อเอง)มาใช้ทีหลัง

งานวาดมือนั้นสนุกอยู่แล้ว  และการได้ทำงานโดยใช้ร่างกายเราสัมผัสจริงกับชิ้นงานมันสร้างความสุขและส่งต่อพลังงานจากสิ่งที่ทำย้อนกลับมาที่มือหรือร่างกายเราด้วยค่ะ  ส่วนการวาดผ่านสไตลัสกดลงผิวจอแท็บเลตก็ให้งานอีกแบบ  สนุกเหมือนกัน และอาจสดใสฉับไวกว่าและให้ภาพเหมาะสมกับสื่อบางอย่างมากกว่าด้วย  แต่ให้พูดตรงๆ  เอมคิดว่าแม่เราจะทำงานแบบดิจิตอลเป็นหลักก็ควรแบ่งเวลามาสร้างสรรค์สิ่งต่างๆด้วยมือหรือร่างกายเราโดยตรงบ้าง   ในความคิดเรา  มันเหมือนการที่เราเดินเท้าเปล่าบนสนามหญ้า บนหาดทรายหรือบนผืนดินค่ะ  เรากับสิ่งที่สัมผัสได้ส่งต่อพลังบางอย่างถึงกันจริงๆ

เล่าเรื่อยเปื่อยมาหลายบรรทัดแล้ว   ในเมื่อวันนี้พูดถึงงานมือและงานดิจิตอลจึงขอเอารูปนี้มาแปะ  รูปที่วาดมือแล้วนำไปลงสีผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์

หวังว่ามันจะสร้างความรู้สึกบางอย่างต่อคนดูค่ะ :)

12 กันยายน 2556

เมื่อฉันวาดภาพประกอบหนังสือ "ทารกจกเปรตกับบทละครทั้ง 6"




ช่วงต้นปี  นิกร แซ่ตั้ง  ผู้กำกับละครเวที ผู้เป็นรุ่นพี่คณะที่ฉันนับถือมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยและยังได้ร่วมงานกันในสมัยฉันยังทำงานละครเวทีเล่าถึงโปรเจคท์พิมพ์หนังสือรวมบทละครของเขา  เริ่มแรก พี่นิกรตั้งใจเป็นคนออกทุนและจัดพิมพ์หนังสือเองจึงคุยกับฉันซึ่งกำลังอยู่ในช่วงฝึกหัดวาดภาพด้วยตนเองมาสักพักว่า เอม  เธอมาวาดรูปประกอบบทละครให้พี่หนึ่งเรื่องสิ


เรื่องที่พี่นิกรมอบหมายให้ฉันวาด คือ เรื่องวันดับฝัน...ระหว่างที่คุยกัน  พี่นิกรมีงานละครที่อเมริกา  เราคุยกันผ่านเฟซบุ๊คและฉันก็ส่งภาพวาดเพื่อให้พี่นิกรดูแนวทางของภาพเป็นระยะ   ผ่านมากลางปี  โปรเจคท์นี้จำเป็นต้องพักไว้ก่อน แต่ก็เหมือนโชคเข้าข้างฉัน  ในที่สุด โปรเจคท์รวมบทละครก็เริ่มต้นอีกครั้ง โดยมีผู้จัดทำและจัดจำหน่ายคือ Sea Studio


พี่นิกรแนะนำฉันกับทีมงาน Sea Studio    ทั้งฉันและทีมงานต่าง"ใหม่" กับงานหนังสือทั้งคู่ (ทีมงานเป็นผู้ผลิตละครโทรทัศน์เป็นหลักและเป็น"ผู้รักละครเวที" มาเนิ่นนาน) เราจึงคุยกันเรื่องงานนี้โดยไม่ใช่ลักษณะธุรกิจจ๋าแต่เป็นการร่วมงานกันเพื่อละครเวทีที่รักมากกว่า  และเนื่องจากทีมงานต้องการให้ภาพในหนังสือเป็นไปในทางเดียวกัน  ฉันจึงได้รับโอกาสวาดภาพประกอบบทละครทั้งเจ็ดเรื่องของ นิกร แซ่ตั้ง ในเล่มนี้


ฉันเริ่มต้นงานวาดภาพประกอบหนังสือโดยมีความเป็นมาเป็นไปแบบนี้ล่ะ  ถึงมันจะไม่ใช่งานที่เผยแพร่ในวงกว้างนักแต่ระหว่างทำงานและเมื่อเห็นหนังสือพิมพ์ออกมาโดยมีชื่อตนเองพิมพ์ระบุไว้ว่าเป็นผู้วาดภาพประกอบ  ฉันก็รู้สึกเต็มตื้นด้วยความรู้สึกขอบคุณต่อผู้มอบโอกาสอันได้แก่พี่นิกรและทีมงาน Sea Studio   ขอบคุณครอบครัวที่สนับสนุนต่อการเลือกทำงานของฉันไม่ว่าจะฉันตัดสินใจอย่างไร จะมีความฝันเบ่งบานกี่ครั้ง  ขอบคุณคนรักและครอบครัวของเขา  ขอบคุณเพื่อนหลายคนที่ให้กำลังใจและสนับสนุนฉันเมื่อเห็นฉันหัดวาดรูป  


ขอขอบคุณต่อผู้คนและเรื่องราวในชีวิตซึ่งเกิดกับฉัน  ตัวฉันประกอบมาด้วยเรื่องราวเหล่านั้น  ภาพและการตีความของฉันเองก็เช่นกัน เติบโตมาจากทุกข์และสุขซึ่งผ่านมาในชีวิตเช่นเราทุกคนบนโลกใบนี้