เริ่มประเดิมฝึกหัดเล่าเรื่องพร้อมภาพไปกับร้านอิซากายะที่เตะจมูกเราด้วยกลิ่น แต่ไม่ได้เตะปากเราเพราะเราไม่ได้กิน!
สาเหตุที่เริ่มเล่าด้วยภาพนี้คงเป็นเพราะความแค้น ...จะแค้นอะไร...ก็แค้นใจที่ไม่ได้กินน่ะสิคะ (ยิ่งนึกก็ยิ่งช้ำใจน้อยๆว่าไม่น่าพลาด)
วันแรกที่เหยียบแผ่นดินญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว
มันเริ่มด้วยการผจญฝูงชนชาวคณะทัวร์ที่มาแลกตั๋วเจอาร์พาสกันแน่นเคาน์เตอร์ที่สนามบินนาริตะ
บอกตรงๆว่ากำลังกายเริ่มถดถอยเพราะนอนไม่เต็มอิ่มมาสองคืนแล้วตั้งแต่ก่อนเดินทาง ขึ้นเครื่องมาก็หลับๆตื่นๆเพราะกลัวเผลอกรนดัง...เกรงใจชาวโลกที่ร่วมทางในเครื่องบินลำเดียวกัน
แถวแลก JR Pass Exchange Order และแถวจองตั๋วรถไฟ (ซึ่งจะเริ่มใช้วันพรุ่งนี้ไปนิกโก)
นั้นยาวเกินคาดไปเยอะบวกความเหนื่อยอ่อนของสังขารทำเอาความลั๊นลากล้าท่องโลก(ญี่ปุ่น) ในใจฉันหดลงเหลือแปดสิบเปอร์เซนต์ พอนั่งรถไฟสายเคเซเข้าเมืองเพื่อไปลงสถานีอุเอโนะ...
ลงจากรถไฟก็เจอฝนอีก...ฮึ่ม!
เกิดใต้ฟ้าอย่ากลัวฝนตราบใดที่ฟ้าไม่ผ่าหรือหล่นใส่หัว เราก็ต้องไปต่อ
(โดยมีร่มที่พกมาจากเมืองไทยเป็นตัวช่วย)
เราเลือกจองโรงแรมแถวอุเอโนะในวันแรกเพราะเป็นย่านที่รถไฟสายเคเซจอด วันต่อไปที่เริ่มใช้เจอาร์พาสไปเที่ยวนิกโกก็ต่อรถไม่ยุ่งยากแถมโรงแรมที่เลือกไว้ก็มีคนทำรีวิวเส้นทางไปโรงแรมแบบครบขั้นตอนตั้งแต่ก้าวเท้าลงจากสถานี
Keisei
Ueno ยันก้าวเท้าเข้าโรงแรมกันเลยทีเดียว
เอาสัมภาระและตัวกลมๆสองร่างเช็คอินเข้าพักโรงแรมเสร็จ (คิดดู
กว่าจะเข้าเมืองได้
มันถึงเวลาที่เราสามารถเช็คอินได้แล้วนั่นคือสี่โมงเย็น หมดเวลาเที่ยวไปหนึ่งวัน) เราก็ตัดสินใจว่านี่มันก็เย็นแล้ว
ไปเดินเพลินๆที่ตลาดอะเมโยโกะซึ่งอยู่ในย่านอุเอโนะ หาข้าวกินแล้วนอนเร็วหน่อยดีกว่าเพราะพรุ่งนี้ต้องไปนิกโกแต่เช้ามืด
ตลาดอะเมโยโกะนี่มันเดินมันจริงๆนะ
ถ้าคุณไม่รังเกียจความคึกคักแบบที่เราเห็นตามตลาดสวนหลวงหรือตลาดน้ำ
และเราจะมันมากกว่านี้ถ้ามีพ็อคเก็ตมันนี่สำหรับช็อปปิ้งเยอะๆ
(ทั้งสตรอเบอร์รี่ลูกโตจิ้มนมข้น ผลไม้มากมายเต็มตลาด
รองเท้าผ้าใบแจ่มๆที่วางโชว์มันช่างเย้ายวน)
ส่วนทีมเรา (อิฉันและคู่หูคู่ฮา)
ไม่มีงบประมาณช็อปปิ้งเลยได้แต่เดินดูข้าวของเพลินๆ
และหัดบำเพ็ญตบะด้วยการดูของที่อยากได้เยอะๆ สร้างกิเสสแล้วดับกิเลสด้วยการไม่ซื้อ
(ถ้ายังอยากมีเงินเที่ยวต่อในวันอื่นๆที่เหลือ)
ฉันเคยเห็นรูปจากกระทู้ในพันทิปและหนังสือท่องเที่ยวว่าในตลาดอะเมโยโกะมีร้าน"จิราชิ
ซูชิ" ข้าวโปะหน้าปลาดิบพูนๆในราคาย่อมเยา
ฉันมุ่งมั่นจะไปกินจิราชิซูชิก็จริง
แต่จมูกฉันมันก็ดันโดนเตะไปแล้วด้วยกลิ่นจากร้านในรูป (อ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก-เขียนไม่เป็น
ฉันเลยตัดเอาป้ายชื่อร้านมาแปะไว้ในรูปที่ฉันวาดนี้)
คนเรา เมื่อถึงทางแยกก็ต้องเลือกว่าจะไปทางไหน จิราชิ ซูชิ
ที่มีป้ายภาพอาหารพร้อมราคาให้เลือกจิ้มสั่งหรือร้านที่ขายอะไรก็ยังไม่รู้
แต่ส่งกลิ่นยั่วยวนในภาพ...ณ นาทีนั้น เราเลือกความสะดวกอิ่มท้องก่อน
ฉันว่าเราเลือกไม่ผิด แต่ก็ไม่รู้ว่าเลือกถูกมั้ยเพราะอาหาร (ซึ่งน่าจะ) อร่อยที่โรยหน้าด้วยความตื่นเต้นตุ๊มๆต่อมๆเป็นออเดิร์ฟที่ร้านอิซากายะมันก็น่าเสียดายชะมัดเลย
ทุกๆทางเลือกเนี่ยมันต้องเสี่ยงทั้งนั้นเนอะ
3 ความคิดเห็น:
ตามมาไลค์ด้วยค่ะ^_^
ไปครั้งมี่สองก็ไปพักใกล้ตลาดอะเมะโยโกนี่ล่ะ มีแต่ของกิน ของใช้เพียบเลย กลับมาตอนคํ่าๆไม่เดือนร้อนเรื่องของกิน สนุกมากๆ ว่าแล้วก็อยากไปอีก อ้อยไปนิกโกเหมือนกัน แต่ไม่ได้ซื้อเจแปนเรียลพาส เพราะความขี้เกียจ ฮิ ฮิ มาอ่านแล้วได้รำลึกไปด้วย ^ ^ เพลินเลย
ขอบคุณคับพี่แอ้...ส่งกำลังใจให้พี่แอ้เขียนนิยายออกมาเสร็จสมใจไวๆด้วยนะฮับ
อ้อยซัง...ที่จริงถ้าไม่ซื้อเจอาร์พาส ค่ารถรวมๆแล้วก็ถูกกว่าซื้อพาสนิดนึงล่ะ แต่เรากลัวหลงเลยซื้อเหมาเผื่อไว้ >.<...นี่เราเขียนไปก็นึกยิ่งอยากไปเที่ยวอีกเหมือนกัน ^ ^
แสดงความคิดเห็น