คนเรามันก็จะเพี้ยนกันไปคนละนิดละหน่อยมั้ง (ขอเหมาว่าคนทั้งโลกจะเพี้ยนกันเหมือนเราหน่อยเถอะนะ)
เราเองก็เพี้ยนบางเรื่อง เช่น เรื่องการห่อปกหนังสือเล่มนี้
เล่าไว้ ที่นี่ เพราะเหมาว่ามันเป็นเรื่องงานฝีมือด้วย อิอิ
19 ธันวาคม 2555
18 ธันวาคม 2555
ปั่นเป๋าส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่...ที่เราคงชิลล์เหมือนเดิม
เปิดเพจ mOmO craft village ในเฟซบุ๊คมาปีกว่าแล้ว---ขยันอยู่ครึ่งปี หลังจากนั้นเราก็แว่บไปวาดรูป :P
คงเพราะนิสัยขี้เบื่อจับจดของตัวเองที่เดี๋ยวทำนู่น เดี๋ยวทำนี่ พอเย็บๆสนุกซักพักก็ไปเตลิดทำอย่างอื่น
แต่ถึงจะขี้เบื่อจับจดยังไงก็ไม่ลืมความตั้งใจของตัวเองในการเปิดเพจนะ ไอ้ความคิดที่อยากจะแบ่งเงินไปทำแบ่งปันต่อยังคงคิดและตั้งใจอยู่ แต่พอไม่ได้เย็บก็แบ่งเป็นเงินไปแทน...ซึ่งเมื่อหันไปมองกองผ้ากองกระดุมกองซิปที่ซื้อมาก็คิดว่านั่นก็เงินนะจ้ะ รวมยอดเป็นหมื่นด้วยนาเว้ย---แบ่งออกมาแบ่งปันสิ
ทุกครั้งที่แบ่งก็นึกถึงยาย รวมถึงพ่อแม่ที่ยังอยู่ด้วยว่าขอให้เค้าดีใจเถอะว่าไอ้ลูก(หลาน)จอมขี้เกียจแสนชิลล์นี้ก็รู้จักคิดเหมือนกัน เราเองก็ได้ความสบายใจด้วย
คราวนี้เราขอใช้บริการร้านปันกันตามเคย แต่เปลี่ยนจากแบ่งปันเงินเป็นส่งของที่เราเย็บไปให้เค้าขายเองหาทุนเล่าเรียนให้เด็กยากไร้ เพราะถึงเราจะไม่เคยเชื่อว่าการศึกษายิ่งสูงจะทำให้คนยิ่งฉลาดหรือยิ่งดี แต่การศึกษาเบื้องต้นก็สำคัญ---เหมือนไกด์นำทางให้เค้าอ่านออกเขียนได้ง่ายขึ้น รู้จักว่าจะค้นคว้าขวนขวายหาความรู้จากไหน
ส่งท้ายปีนี้ด้วยกระเป๋า 15 ใบนี้ คิดเองเล่นๆว่าถ้าเขาเอาไปขายใบละ 50 บาท ขายหมดก็ได้เงิน 750 บาทแล้ว เท่ากับทุนการศึกษาเดือนครึ่งเลยนะ มันไม่เยอะหรอกสำหรับคนเมืองอย่างเรา---เข้าร้านอาหารแป๊บเดียวก็หมดแล้ว แต่มันเยอะสำหรับคนที่ขาดแคลน
คงเพราะนิสัยขี้เบื่อจับจดของตัวเองที่เดี๋ยวทำนู่น เดี๋ยวทำนี่ พอเย็บๆสนุกซักพักก็ไปเตลิดทำอย่างอื่น
แต่ถึงจะขี้เบื่อจับจดยังไงก็ไม่ลืมความตั้งใจของตัวเองในการเปิดเพจนะ ไอ้ความคิดที่อยากจะแบ่งเงินไปทำแบ่งปันต่อยังคงคิดและตั้งใจอยู่ แต่พอไม่ได้เย็บก็แบ่งเป็นเงินไปแทน...ซึ่งเมื่อหันไปมองกองผ้ากองกระดุมกองซิปที่ซื้อมาก็คิดว่านั่นก็เงินนะจ้ะ รวมยอดเป็นหมื่นด้วยนาเว้ย---แบ่งออกมาแบ่งปันสิ
ทุกครั้งที่แบ่งก็นึกถึงยาย รวมถึงพ่อแม่ที่ยังอยู่ด้วยว่าขอให้เค้าดีใจเถอะว่าไอ้ลูก(หลาน)จอมขี้เกียจแสนชิลล์นี้ก็รู้จักคิดเหมือนกัน เราเองก็ได้ความสบายใจด้วย
คราวนี้เราขอใช้บริการร้านปันกันตามเคย แต่เปลี่ยนจากแบ่งปันเงินเป็นส่งของที่เราเย็บไปให้เค้าขายเองหาทุนเล่าเรียนให้เด็กยากไร้ เพราะถึงเราจะไม่เคยเชื่อว่าการศึกษายิ่งสูงจะทำให้คนยิ่งฉลาดหรือยิ่งดี แต่การศึกษาเบื้องต้นก็สำคัญ---เหมือนไกด์นำทางให้เค้าอ่านออกเขียนได้ง่ายขึ้น รู้จักว่าจะค้นคว้าขวนขวายหาความรู้จากไหน
ส่งท้ายปีนี้ด้วยกระเป๋า 15 ใบนี้ คิดเองเล่นๆว่าถ้าเขาเอาไปขายใบละ 50 บาท ขายหมดก็ได้เงิน 750 บาทแล้ว เท่ากับทุนการศึกษาเดือนครึ่งเลยนะ มันไม่เยอะหรอกสำหรับคนเมืองอย่างเรา---เข้าร้านอาหารแป๊บเดียวก็หมดแล้ว แต่มันเยอะสำหรับคนที่ขาดแคลน
28 พฤศจิกายน 2555
พึ่งพา พึ่งพิง ผูกพัน
เดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓
บ้านบางแค
เจ้าเหมียวน้อยที่แสนขี้บ่น(ชะมัด)เดินตามคุณยายต้อยๆ
บ้านบางแค
เจ้าเหมียวน้อยที่แสนขี้บ่น(ชะมัด)เดินตามคุณยายต้อยๆ
ความรัก ความผูกพันมันไม่มีเส้นกั้นทั้งเพศ ชาติตระกูล และเผ่าพันธุ์
เราต่างก็พึ่งพากันและช่วยประคับประคองกันได้ทั้งนั้นแม้จะเป็นชีวิตเล็กๆ
ที่คอยนั่งผึ่งแดด วันๆเอาแต่นอนอย่างนังเหมียว
(คนที่นิสัยเหมือนนังเหมียวอย่างเรา็ก็หวังว่าจะเป็นที่พึ่งพา คอยประคับประคองให้ใครๆได้บ้างเหมือนกัน)
23 พฤศจิกายน 2555
เรียนรู้และเริ่มต้น
คนที่ทำให้เราคิดเรื่องนี้มีสองคน เริ่มแรกคือ พี่วี รุ่นพี่ที่คณะ (และเป็นเพื่อนสนิทสามี) ที่เห็นเราหัดวาดรูปโพสในเฟซบุ๊คบ่อยๆ เคยบอกให้เราลองวาดรูปส่งไปเว็บโฟโต้สต็อคทั้งหลายสิ เผื่อขายได้ คนที่สองคือสามีเอมโม่เองที่ทุ่มเทถ่ายรูป ทำรูปเพื่อฝากขายไว้ใน Shutterstock Photo
เราเองเห็นการทุ่มเทตั้งใจ ท่าทางดีอกดีใจที่มีคนชอบรูปของเขา รวมทั้งยังสร้างรายได้ด้วยก็ฮึดอยากทำบ้าง
ค่าขนมผสมความชื่นใจที่มีมาจากคนชอบงานของเราและโหลดไปใช้ ไปดูเป็นสาเหตุให้เราคิดจะลองวาดรูปของกินส่งไป วาดเก็บๆไว้ได้หลายสิบแล้ว...คงได้ฤกษ์ส่งไปลองดูซะทีว่าจะผ่านเกณฑ์เขาไหม จะมีคนดาวน์โหลดบ้างหรือเปล่า
พอเล่ามาถึงตรงนี้ก็นึกขำตัวเอง...ชีวิตเรามีเรื่องเริ่มต้นเรียนรู้ไปเรื่อยตั้งแต่หาเรื่องเปลี่ยนอาชีพ เปลี่ยนสายงานมาตลอดตามความพอใจและสถานการณ์ชีวิตในแต่ละช่วง ชีวิตเราอาจเป็นชีวิตที่ไม่ได้คึกคัก โลดโผนนัก...แต่ก็พอมีสีสันอยู่บ้้างเหมือนกันนะเนี่ย :)
![]() |
ในรูปดูเหมือนมีไม่เกินสิบรูป แต่ข้างใต้นั้น...รวมๆกันก็หลายสิบรูปอยู่ :) |
21 พฤศจิกายน 2555
ทิวทั๊ศน์ ทิวทัศน์
เมื่อสองสามวันก่อน เอมมาเล่าไว้ในนี้ว่าคิดจะหัดวาดภาพทิวทัศน์
เริ่มหัดแล้วล่ะ...แต่มันไม่ได้ออกมาเป็นทิวทั๊ศน์ ทิวทัศน์น่ะสิ เป็นแค่ภาพร้านกาแฟริมถนน มีคนนั่งเหงาอยู่แค่นั้นเอง (แถมหลังคาเบี้ยวอีก) :P
เริ่มหัดแล้วล่ะ...แต่มันไม่ได้ออกมาเป็นทิวทั๊ศน์ ทิวทัศน์น่ะสิ เป็นแค่ภาพร้านกาแฟริมถนน มีคนนั่งเหงาอยู่แค่นั้นเอง (แถมหลังคาเบี้ยวอีก) :P
20 พฤศจิกายน 2555
รูโหว่
หัวใจมีรูโหว่เพิ่มอีกครั้ง รูโหว่นั้นขยายใหญ่ขึ้นตามวันเวลาที่ยังหาถุงทอง...เจ้าแมวตัวดีไม่เจอ
การมีแมวหลายตัวไม่ได้ทำให้เราเสียใจน้อยลงเมื่อมีตัวใดตัวหนึ่งเป็นอะไรไปหรือหายไปอย่างถุงทอง มันแค่ทำให้เราอาจจะมีรูโหว่...มีหัวใจที่หายไปได้มากขึ้นตามจำนวนความผูกพันที่เรามี
คนที่เลี้ยงและรักหมาแมวหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆก็คงเข้าใจความรู้สึกนี้ดี ยิ่งเราพูดกันคนละภาษากับเพื่อนเหล่านี้ เรายิ่งใช้ใจสื่อสารกับเค้ามากขึ้น
และรักเค้ามากขึ้นในแต่ละวัน...ก็เท่านั้นเอง
การมีแมวหลายตัวไม่ได้ทำให้เราเสียใจน้อยลงเมื่อมีตัวใดตัวหนึ่งเป็นอะไรไปหรือหายไปอย่างถุงทอง มันแค่ทำให้เราอาจจะมีรูโหว่...มีหัวใจที่หายไปได้มากขึ้นตามจำนวนความผูกพันที่เรามี
คนที่เลี้ยงและรักหมาแมวหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆก็คงเข้าใจความรู้สึกนี้ดี ยิ่งเราพูดกันคนละภาษากับเพื่อนเหล่านี้ เรายิ่งใช้ใจสื่อสารกับเค้ามากขึ้น
และรักเค้ามากขึ้นในแต่ละวัน...ก็เท่านั้นเอง
19 พฤศจิกายน 2555
ยังคงไม่แจ่มชัด
หลังจากเดือนที่ผ่านมาเน้นฝึกฝนวาดใบหน้าคนแล้ว (เล่ามาแบบนี้เหมือนก่อนฝึกมีการวางแผนขั้นตอนฝึกฝนไว้---แต่จริงๆคือคิดอยากจะวาดอะไรก็ตะลุยวาดมากกว่า)
ต่อไป ฉันอยากวาดรูปทิวทัศน์ให้เก่งขึ้น อยากเอารูปทิวทัศน์และรูปคนมาผสมผสาน ...หวังว่าตัวเองจะไม่ถอดใจไปซะก่อนวาดได้สมใจ
แล้วทิวทัศน์แบบที่อยากวาดออกมาเป็นแบบไหนกันล่ะหนอ....ภาพในหัวฉันยังไม่แจ่มชัดเท่าไหร่เลย
18 พฤศจิกายน 2555
แรงบันดาลใจจากดิจิตัล
วันนี้ลองเอารูปมาเล่นในคอมพ์ฯอีกที....บางครั้งการใช้โปรแกรมดัดแปลงรูปที่เราวาด ไม่ได้ทำให้รูปสวยขึ้นเลยนะแต่ทำให้เราได้เปิดจินตนาการให้กว้างไกลขึ้น
...คงคล้ายๆกับเวลาเราดูภาพถ่ายสวยๆที่สิ่งของหรือคนในภาพถ่ายถูกบิดเบือนไปจากความจริงแต่อารมณ์ของภาพกลับเด่นชัดขึ้นละมั้ง
รูปนี้ เอมวาดด้วยดินสอลงบนกระดาษสำหรับสเกตช์ภาพ
สำหรับตัวเอง...รูปนี้อยู่ในระดับที่พอใจ มันดูแฟชั่นดี ดูไปซักพักก็ชักคันมืออยากลงสีน้ำเพิ่มแต่ก็ลงสีไม่ได้แล้วเพราะเนื้อกระดาษไม่อำนวย
ในเมื่ออยากลองระบายสีจริงๆก็ลองวาดรูปใหม่ขึ้นมาแนวๆเดิม (แต่สวยน้อยกว่าเดิม -__-') แล้วลงสีน้ำบางจุด ป้ายสีอะคริลิคสีทองลงไปตามประสาคนชอบภาพที่วิบวับหน่อยๆ
ออกมาก็ชอบนะ แต่ก็หาเรื่องเอามาแปลงในโปรแกรม photoscape ต่อจนออกมาแบบนี้ซึ่งเอมว่าไม่สวย แต่ชอบสีที่ได้จนอยากวาดภาพและใช้สีแบบนี้เลยล่ะ
...คงคล้ายๆกับเวลาเราดูภาพถ่ายสวยๆที่สิ่งของหรือคนในภาพถ่ายถูกบิดเบือนไปจากความจริงแต่อารมณ์ของภาพกลับเด่นชัดขึ้นละมั้ง
รูปนี้ เอมวาดด้วยดินสอลงบนกระดาษสำหรับสเกตช์ภาพ
สำหรับตัวเอง...รูปนี้อยู่ในระดับที่พอใจ มันดูแฟชั่นดี ดูไปซักพักก็ชักคันมืออยากลงสีน้ำเพิ่มแต่ก็ลงสีไม่ได้แล้วเพราะเนื้อกระดาษไม่อำนวย
ในเมื่ออยากลองระบายสีจริงๆก็ลองวาดรูปใหม่ขึ้นมาแนวๆเดิม (แต่สวยน้อยกว่าเดิม -__-') แล้วลงสีน้ำบางจุด ป้ายสีอะคริลิคสีทองลงไปตามประสาคนชอบภาพที่วิบวับหน่อยๆ
ออกมาก็ชอบนะ แต่ก็หาเรื่องเอามาแปลงในโปรแกรม photoscape ต่อจนออกมาแบบนี้ซึ่งเอมว่าไม่สวย แต่ชอบสีที่ได้จนอยากวาดภาพและใช้สีแบบนี้เลยล่ะ
![]() |
ลองเอารูปที่ลงสีมาเทียบให้ดูว่าพอเอาไปบิดเบี้ยวในโปรแกรมคอมพ์แล้วออกมาแบบนี้ :) |
17 พฤศจิกายน 2555
ชอบรูปไหนมากกว่ากันคะ :>
หลังจากบ่นๆไปว่าอยากศึกษา Photoshop เพิ่มขึ้น
ถึงตอนนี้....ก็ยังไม่ได้เริ่มหยิบจับอะไรหรอก ได้แต่เอาภาพมาลองเล่นในโปรแกรมสำเร็จรูป Photoscape เหมือนเคย อิอิ ;p
เริ่มจาก วาด-ระบายสี (ใช้สี Gouache ตราน้องหมาจุดที่เพื่อนให้มา) - ตัด - แปะ ( ที่ตัดแปะก็คือเจ้าผีเสื้อสองตัว) ออกมาก็ชอบ แต่ยังไม่ชอบสีเท่าไหร่ คงเพราะมันสดไปมั้งคะ
เอมโม่อยากให้มันหม่นกว่านี้ แต่ก็แก้ไม่ได้แล้วเลยเอาไปเล่นในคอมพ์ฯต่อ ออกมาเป็นรูปทางขวา ชอบเลย...ชอบที่มันดูหม่นขึ้น
ไม่รู้ว่าคนที่เห็นรูปนี้ ชอบภาพด้านซ้ายหรือด้านขวามากกว่ากัน (อยากรู้จัง) ^ ^
ถึงตอนนี้....ก็ยังไม่ได้เริ่มหยิบจับอะไรหรอก ได้แต่เอาภาพมาลองเล่นในโปรแกรมสำเร็จรูป Photoscape เหมือนเคย อิอิ ;p
เริ่มจาก วาด-ระบายสี (ใช้สี Gouache ตราน้องหมาจุดที่เพื่อนให้มา) - ตัด - แปะ ( ที่ตัดแปะก็คือเจ้าผีเสื้อสองตัว) ออกมาก็ชอบ แต่ยังไม่ชอบสีเท่าไหร่ คงเพราะมันสดไปมั้งคะ
เอมโม่อยากให้มันหม่นกว่านี้ แต่ก็แก้ไม่ได้แล้วเลยเอาไปเล่นในคอมพ์ฯต่อ ออกมาเป็นรูปทางขวา ชอบเลย...ชอบที่มันดูหม่นขึ้น
ไม่รู้ว่าคนที่เห็นรูปนี้ ชอบภาพด้านซ้ายหรือด้านขวามากกว่ากัน (อยากรู้จัง) ^ ^
15 พฤศจิกายน 2555
ชวนอ่าน : คืนฝนลวง
มิจิโอะ ซุสุเกะ ยังคงสร้างความประทับใจให้คนอ่านคนนี้ได้เหมือนเคย...สมกับที่คว้าตำแหน่งนักเขียนขวัญใจอีกคนของเรา
คืนฝนลวง...คืนที่ฝนพรำ มังกรและปีศาจออกมาจับจ้องเหตุการณ์ฆาตกรรมที่เกิดขึ้นและล่อลวงผู้เขลาให้ตกเป็นเหยื่อ คืนนั้น ฆาตกรรมที่พี่ชายคาดว่าจะลงมือกับพ่อเลี้ยงไม่เกิดขึ้น แต่น้องสาวกลับเป็นผู้ลงมือกระทำเอง....เรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไร มังกรและปีศาจจะมาล่อลวงตัวละครในเรื่องอย่างไรเป็นเรื่องที่ต้องตามอ่านดูเท่านั้น
ถึงจะเล่ามาแบบนี้
แต่มังกรและปีศาจที่เล่ามาก็ไม่ได้ออกมาให้เห็นชัดเจน คนต่างหากที่กลายเป็นปีศาจไป...คุณมิจิโอะ
ซุสุเกะใส่บรรยากาศเหนือจริงและลึกลับไว้ในนิยายของเขาเช่นเคย และไม่ได้หลอกล่อความรู้สึกของตัวละครเท่านั้น แต่คุณมิจิโอะ ซุสุเกะยังล่อหลอกให้คนอ่านได้รู้จักธาตุแท้ของตัวเองในขณะที่อ่านงานชิ้นนี้ของเขาด้วย ฉันเชื่อว่าสิ่งที่คนอ่านจินตนาการล่วงหน้าไปคู่กับเรื่องนี้จะสะท้อนให้รู้ว่าคนอ่านเองนั้นมีทัศนคติอย่างไรต่อมนุษย์ด้วยกัน และได้ปล่อยตัวเองให้ปีศาจในใจหลอกล่อครอบงำเข้าหรือเปล่า
ถึงจะไม่ได้หม่นและลึกลับขนาด
“ฤดูร้อนซ่อนเงา” แต่ “คืนฝนลวง”เป็นอีกงานของ
มิจิโอะ ซุสุเกะ ที่ยังแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของเขาที่จะเขียนนิยายสะท้อนถึงจิตใจที่ยากแท้ที่จะหยั่งถึงของมนุษย์เรา
คืนฝนลวง (Ryujin No Ame)
มิจิโอะ ซุสุเกะ : เขียน
จันทิมา ทะคิโมะโตะ : แปล
สนพ.บลิส พับลิชชิ่ง ( J Book)
13 พฤศจิกายน 2555
ลองศึกษาโปรแกรม Photoshop กับเค้าบ้างจะดีไหมนะ
หมู่นี้เริ่มคิดว่าจะลองศึกษาโปรแกรม Photoshop กับเค้าบ้างจะดีไหมนะ
ส่วนตัวแล้วชอบงานวาดมือ แต่ก็รู้สึกว่างานวาดมือเนี่ย...เอาไปเล่นเพิ่มต่อในโปรแกรมคอมพ์ฯได้อีกเยอะให้มันสนุกสนานขึ้น เปลี่ยนความรู้สึกให้รูปได้อีก อืม หรือว่า...ถ้าอยากได้งานหลากหลายขึ้น ควรจะเรียนโปรแกรม Illust. กันแน่หว่า
โอ๊ย พูดถึงโปรแกรมตอมพิวเตอร์ที่ไม่ใช่โปรแกรมเล่นสนุกกับรูปแบบสำเร็จรูปเหมือน Photoscape แล้วมึนนัก
ที่บ่นมาเนี่ยเหมือนเป็นพวกทำงานวาดรูปเลยใช่ไหม แต่ที่จริงคือมือสมัครเล่่นแท้ๆเลยล่ะ แหะ แหะ
เอ้า ในเมื่อเล่นเป็นแค่ Photoscape เราก็เอาเท่าที่ทำได้ก่อน รูปนี้วาดและลงสีด้วยเส้นดินสอ 2B แล้วเอามาทำภาพเพิ่มในโปรแกรม Photoscape สนุกดี แต่ก็อายนะ ทำรูปในคอมพ์ฯเป็นแค่นี้เอง :P
ส่วนตัวแล้วชอบงานวาดมือ แต่ก็รู้สึกว่างานวาดมือเนี่ย...เอาไปเล่นเพิ่มต่อในโปรแกรมคอมพ์ฯได้อีกเยอะให้มันสนุกสนานขึ้น เปลี่ยนความรู้สึกให้รูปได้อีก อืม หรือว่า...ถ้าอยากได้งานหลากหลายขึ้น ควรจะเรียนโปรแกรม Illust. กันแน่หว่า
โอ๊ย พูดถึงโปรแกรมตอมพิวเตอร์ที่ไม่ใช่โปรแกรมเล่นสนุกกับรูปแบบสำเร็จรูปเหมือน Photoscape แล้วมึนนัก
ที่บ่นมาเนี่ยเหมือนเป็นพวกทำงานวาดรูปเลยใช่ไหม แต่ที่จริงคือมือสมัครเล่่นแท้ๆเลยล่ะ แหะ แหะ
เอ้า ในเมื่อเล่นเป็นแค่ Photoscape เราก็เอาเท่าที่ทำได้ก่อน รูปนี้วาดและลงสีด้วยเส้นดินสอ 2B แล้วเอามาทำภาพเพิ่มในโปรแกรม Photoscape สนุกดี แต่ก็อายนะ ทำรูปในคอมพ์ฯเป็นแค่นี้เอง :P
30 ตุลาคม 2555
ฝึกความอดทน
พยายามฝึกความอดทนและดัดนิสัยตัวเองให้ละเอียดลออขึ้น....ยังไม่สำเร็จกับรูปนี้...
แต่ขณะที่วาดไปถึงจุดหนึ่งก็รู้สึกขึ้นมาว่าตัวเองใจเย็นขึ้นเยอะ เมื่อเทียบกับการหัดวาดเมื่อปลายปีก่อน
แต่ขณะที่วาดไปถึงจุดหนึ่งก็รู้สึกขึ้นมาว่าตัวเองใจเย็นขึ้นเยอะ เมื่อเทียบกับการหัดวาดเมื่อปลายปีก่อน
24 ตุลาคม 2555
ชวนอ่าน : Bel Canto อุบัติรักข้ามขอบฟ้า
หลังจากการ”ดอง” หนังสือเล่มนี้ไว้บนชั้นเกือบห้าปี ในที่สุดฉันก็เริ่มอ่าน อ่านไปเรื่อยๆตั้งแต่เริ่มงานสัปดาห์หนังสือฯจนจบก่อนงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติสิ้นสุด
ในช่วงแรกของ “เบล แคนโต้ “
ฉํนต้องฝืนตัวเองให้อ่านนิยายเรื่องนี้ไปตามจังหวะที่เนิบนาบ บทบรรยายของผู้แต่งดำเนินไปในจังหวะที่ฉันไม่นิยมนัก แต่พอได้ทำความรู้จักกันไปสักสามสิบหน้า ฉันก็เริ่มคุ้นเคย....สายตาและความคิดฉันก็เต้นเข้ากันกับจังหวะเนิบนาบละเมียดละไมนี้
เบล แคนโต้
เริ่มเรื่องด้วยบรรยากาศในงานเลี้ยงวันเกิดแขกคนสำคัญของประเทศประเทศหนึ่ง
ในงานเต็มไปด้วยสิ่งหรูหราสวยงามที่ระดมมาตกแต่งในงานเพื่อหวังจะให้แขกชาวญี่ปุ่น
ผู้เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่ประทับใจและหันมาลงทุนในประเทศยากจนแห่งนี้ นักร้องโอเปร่าสาวผู้โด่งดังที่นักธุรกิจใหญ่ผู้นี้ชื่นชอบได้รับเชิญมาร้องเพลงในงาน สิ่งสวยงาม...บทเพลงไพเราะจับใจเคลือบสีสันให้งานเลี้ยงนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศรื่นเริง แต่แล้วผู้ก่อการร้ายกลุ่มหนึ่งได้แฝงเข้ามาในงานและจับตัวทุกคนเป็นตัวประกัน
ตัวประกันจำนวนหลายร้อยคนมันมากเกินไป ผู้ก่อการร้ายจึงปล่อยตัวประกันส่วนใหญ่ไป เหลือไว้แต่คนสำคัญที่ใช้ต่อรองได้ แต่แล้วการต่อรองที่ผิดแผนนั้นก็ดำเนินยืดเยื้อไปกว่าสี่เดือน
เราคาดหวังว่าเวลากว่าสี่เดือนนี้...ภายในบ้านหลังใหญ่ที่จัดงานเลี้ยง....ชีวิตของตัวประกันซึ่งมีทั้งนักธุรกิจ
ล่าม นักร้อง
นักการเมืองกับผู้ก่อการร้ายที่มีผู้นำกองกำลังเป็นนายพลไม่กี่คนกับเด็กที่อายุเพียงเพิ่งแตกหนุ่มและสาวน้อยที่ซ่อนใบหน้าสวยหวานไว้ใต้หมวกและชุดทหารจะดำเนินไปอย่างไรกัน
แน่ละ...
ความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันระหว่างผู้ก่อการร้ายและตัวประกัน
ความตระหนักถึงชีวิตของตนเองเมื่ออยู่ภายนอกกำแพงที่ขังไว้กับชีวิตภายในรั้วกำแพงในฐานะตัวประกัน...รวมไปถึงความรัก ความรู้สึกทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่ผ่านเข้ามาในทุกชีวิตของตัวละครจนตัวละคร
(และคนอ่านเอง) ก็เคลิ้มไปกับเรื่องราวในกำแพงนั่นและอยากให้ทุกอย่างในกำแพงนั่นยังคงเป็นของมันอยู่อย่างนั้น
ไม่เปลี่ยนแปลงไป
แต่ความเป็นจริงบนโลกใบนี้ มันยอมให้เราเป็นอย่างที่เราหวังหรือ...นั่นเป็นสิ่งที่คนอ่านต้องพบคำตอบเองจากหนังสือนิยายเล่มนี้ที่เขียนโดยแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จับตัวประกันในประเทศเปรูเมื่อปี
ค.ศ. 1996
ที่เราเรียกได้ว่าเรื่องราวการจับตัวประกันในนิยายแทบจะถอดมาจากเหตุการณ์ครั้งนั้นเลยทีดียว ผู้แปลเล่าว่าเมื่อเธอค้นหาข้อมูลเพิ่ม เธอพบว่าในฉากจบ ในสนามฟุตบอลที่มีภาพเด็กผู้ชายเล่นฟุตบอลกันอยู่นั้น มันเหมือนกับเหตุการณ์จริงเลยทีเดียว
เบล แคนโต้ : อุบัติรักข้ามขอบฟ้า หรือ Bel Canto
ในฉบับภาษาอังกฤษ (ที่มาจากภาษาอิตาเลียนที่แปลว่าการขับร้องที่ไพเราะ)
Ann Patchett :
เขียน
จิตราภรณ์ วนัสพงศ์ : แปล
แพรวสำนักพิมพ์ , 2547
หมายเหตุ : เหตุการณ์จับตัวประกันในเปรูครั้งนั้น อ่านเรื่องราวแบบไม่เจาะลึกได้จาก link นี้ค่ะ
http://en.wikipedia.org/wiki/Japanese_embassy_hostage_crisis
http://en.wikipedia.org/wiki/Japanese_embassy_hostage_crisis
20 ตุลาคม 2555
วาดสนุกกับใบไม้ - ใบว่านธรณีสาร
หลังจากเอาสีผสมอาหารเก่ามาใช้วาดรูปหลายรอบ
ได้ฤกษ์เล่นแบบเด็กๆอีกครั้งโดยครั้งก่อนระบายสีลงบนใบไม้แล้วประทับใบไม้ลงบนกระดาษ...เสร็จแล้วเราก็ค่อยมาดูว่าจะวาดภาพต่อให้ออกมาเป็นรูปอะไร แต่คราวนี้ร่างภาพไว้แล้วค่อยประทับลายใบไม้ลงไป
ก่อนนี้เคยใช้ใบแสงจันทร์มาเล่น ลายใบไม้ชัดดี พอมาลองใช้ใบไม้สัมผัสละเอียดอย่างใบว่านธรณีสารที่ร่วงจากต้นมาเเล่นแทน พอประทับลงไปแล้วไม่ค่อยเห็นแฮะ ไม่รู้ว่าเพราะผิวใบไม่ซับสีหรือเพราะใบที่ใช้มันแห้งกรอบเกินไปแล้ว
ยังไม่เหมือนอย่างที่ใจคิด แต่ก็สนุกดี ใช้เฉพาะสีชมพูทาใบไม้ แล้วแต้มสีเหลือง สีเขียวเพิ่มลงไป
ถึงยังไม่ได้อย่างใจแต่ก็คิดว่าอยากจะลองเล่นแบบนี้สักหลายๆที :)
ได้ฤกษ์เล่นแบบเด็กๆอีกครั้งโดยครั้งก่อนระบายสีลงบนใบไม้แล้วประทับใบไม้ลงบนกระดาษ...เสร็จแล้วเราก็ค่อยมาดูว่าจะวาดภาพต่อให้ออกมาเป็นรูปอะไร แต่คราวนี้ร่างภาพไว้แล้วค่อยประทับลายใบไม้ลงไป
ก่อนนี้เคยใช้ใบแสงจันทร์มาเล่น ลายใบไม้ชัดดี พอมาลองใช้ใบไม้สัมผัสละเอียดอย่างใบว่านธรณีสารที่ร่วงจากต้นมาเเล่นแทน พอประทับลงไปแล้วไม่ค่อยเห็นแฮะ ไม่รู้ว่าเพราะผิวใบไม่ซับสีหรือเพราะใบที่ใช้มันแห้งกรอบเกินไปแล้ว
ยังไม่เหมือนอย่างที่ใจคิด แต่ก็สนุกดี ใช้เฉพาะสีชมพูทาใบไม้ แล้วแต้มสีเหลือง สีเขียวเพิ่มลงไป
ถึงยังไม่ได้อย่างใจแต่ก็คิดว่าอยากจะลองเล่นแบบนี้สักหลายๆที :)
![]() |
คราวนี้ร่างภาพไว้ก่อนแล้วค่อยคิดว่าจะเอาใบอะไรใช้เป็นพิมพ์ประทับ เลือกเอาใบว่านธรณีสารสัมผัสละเอียดมาใช้ |
![]() |
เสร็จแล้ว :) ลงสีพื้นกับตัวคนและเก้าอี้ด้วยสีน้ำ |
13 ตุลาคม 2555
The Giving Tree...My Giving Tree
เคยเล่าเรื่องไว้ใน http://whitemomo.multiply.com (May 16, 2008)
'Once there was a tree...and she loved a little boy.'
ใน
บล็อกที่แล้ว
เพื่อนเคนเน็ธบอกว่าไม่ชอบอ่านตัวหนังสือ...ชอบดูภาพมากกว่า...หนังสือภาพ
เป็นสิ่งแรกที่เอ็มนึกถึงก่อนที่จะนึกถึงรูปถ่ายดีๆที่แทนคำนับล้าน
...และ
หนังสือภาพเล่มแรกที่เอ็มคิดถึงคือหนังสือเล่มนี้ค่ะ...หนังสือที่เอ็มกับ
เค้าทำความรู้จักกันครั้งแรกเมื่อเกือบสิบปีก่อน...และการทำความรู้จักกัน
ครั้งแรกก็เป็นการยืนอ่านหนังสือเล่มนี้ (ซึ่งยังไม่ได้ซื้อ)
ที่ร้านคิโนะคูนิยะ
สาขาอิเซตัน....เราทำความรู้จักกันด้วยภาษาไทยก่อนด้วยฉบับแปล....และด้วย
น้ำตาที่ไหลแบบต้องหลบซ่อนกลางร้านหนังสือในทันทีที่เรารู้จักกันแค่ 2 นาที
หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อคนแต่ง...แต่ถ้าพูดถึงหนังสือ The Missing Piece หรือ The Missing Piece Meets the Big O เรื่องของวงกลมแหว่งๆที่ตามหาสิ่งที่ขาดหายมาเติมเต็ม และเรื่องของสามเหลี่ยมแล็กๆที่ลองพยายาม”ฟิต”กับหลายสิ่งที่ผ่านมาบนทางของเขา....คิดว่าหลายคนคงนึกออก เพราะเมื่อหลายปีก่อน หนังสือ 2 เล่มนี้โดยเฉพาะ The Missing Piece ถูก
แปลงแล้วส่งต่อผ่านอินเตอร์เน็ทไปทั่ว...เรื่องราวของวงกลมเว้าแหว่งกินใจคน
เกือบทุกคนที่กำลังตามหาใครซักคนหรือที่ใดซักที่ซึ่งจะเติมชีวิตให้สมบูรณ์
...แต่ The Giving Tree ไม่ใช่เรื่องราวแบบนั้นค่ะ ;-)
...ไม่รู้ว่าเพราะลายเส้นที่ชัดเจนและถ้อยคำ “น้อยแต่มาก” หรือเปล่า The Giving Tree เลยถูกตีความไปหลายอย่างตามแต่ว่าเราจะจินตนาการว่า The Tree คือ
ใคร คืออะไร
....เอ็มเองอ่านหลายรอบ...หลังๆก็ตีความมันต่างไปจากเดิมได้เรื่อยๆ...แต่
ความรู้สึกแรกที่ได้อ่านน่าจะเป็นความรู้สึกสุดพิเศษที่ทำให้รักหนังสือเล่ม
นี้มาตลอด
The Giving Tree มีเรื่องราวสมชื่อค่ะ...ต้นไม้ที่มีแต่ให้...
ลอง
หาอ่านกันดูนะคะ...แล้วเราจะพบกับความรักที่มีแต่ให้...ความรักที่ล้นออกมา
จากภาพลายเส้นไม่กี่หน้า...ถ้อยคำไม่กี่ประโยคซึ่งพิสูจน์ให้เห็นพลังของภาพ
และความสามารถของนักเขียน....แล้วเรามาลองคุยกันดูดีกว่าว่า เราคิดว่า The Tree คือใคร...และ The Boy ในเรื่องนั้นคือใคร...ถ้าอ่านฉบับภาษาอังกฤษไปเลยจะยิ่งดีค่ะ...ภาษาที่ใช้ไม่ยาก (เพราะยาก เอ็มก็คงอ่านไม่ได้ ;p )
วันนี้
ของทุกปีเป็นวันพิเศษของเอ็มค่ะ...เลยอยากเขียนถึงเรื่องนี้...เพราะวันนี้
เป็นวันที่เตือนให้เอ็มนึกถึงความรักมากล้นของ The Giving Tree ของเอ็ม ^__^”
...ถ้าสนใจหนังสือของ Shel Silverstein ....ก็
ลองทำความรู้จักเค้าผ่านเว็บไซต์นะคะ...เพราะเว็บไซต์นี้พิเศษตรงที่เราจะ
ได้ลองอ่านหนังสือภาพของเค้า 2-3 หน้าแรกแบบเคลื่อนไหวได้ด้วย...เสียดายแต่
Shel เสียชีวิตลงแล้วค่ะ โลกจึงขาดคนที่สร้างสรรค์ลายเส้นและเรื่องราวกินใจผ่านหนังสือและบทเพลงไปอีกคน (คนที่รักเสียงเพลงอาจจะรู้จักเค้าในอีกมุมนะคะ ....เพราะ Shel Silverstein เป็นคนแต่งเพลงชื่อ A Boy Named Sue ที่ขับร้องโดย Johnny Cash ค่ะ)
12 ตุลาคม 2555
ชวนอ่าน : ตำนานแห่งป่าอันสาบสูญ
มีหลายครั้งที่เสียงลึกลับจะกระซิบเรียกเราให้เดินไปทางนั้น
ทางนี้
ไม่ว่าไปแล้วจะพบเรื่องดีหรือเรื่องร้าย...แต่เราจะได้พบกับอะไรสักอย่างหนึ่งที่มีความหมายต่อเราแน่นอน ฉันเชื่ออย่างนั้น
ดังนั้น
เมื่อเสียงกระซิบเรียกอีกครั้ง
ฉันซึ่งเคยเชื่อและได้พบหนังสือที่อยากได้ซ่อนตัวอยู่ในกองหนังสือเก่าบนแผงขายของในตลาดนัดจึงไม่รีรอที่จะเดินตามเสียงเรียกนี้ไปอีก
แล้วฉันก็เจอหนังสือเล่มนี้
หนังสือที่ถ้าเห็นบนชั้นในร้านหนังสือใหม่ก็อาจจะไม่ลองเปิดอ่าน ไม่ว่าปกหลังจะโปรยว่าหนังสือเล่มนี้ได้รางวัล Newbery
Honor 2009, ALA
Notable Children’s Book 2009 หรือเข้ารอบสุดท้ายของรางวัล National
Book Award 2008
แต่ฉันก็ยอมรับว่าท่ามกลางกองหนังสือหลากหลาย ป้ายราคาหนึ่งร้อยบาท
กับสีเทาอมเงินของตรารางวัล Newbery Honor Book ที่แปะอยู่บนปกหน้านั้นส่องประกายอ่อนๆ
เตะตาชวนให้ฉันหยิบพลิกเปิดดู
ฉันซื้อหนังสือเล่มนี้เพราะคำอุทิศของผู้เขียนที่ว่า
“แด่ เกรกและซินเทีย
เพราะมีความรักและมีแมว
แล้วสองสิ่งนั้นไม่เหมือนกันหรือ -เค.เอ.” ....และบทเริ่มต้นของเรื่องที่ว่า
“ไม่มีอะไรเหงาไปกว่าแมวตัวหนึ่งซึ่งเคยได้รับความรัก อย่างน้อยก็พักหนึ่ง แล้วจึงถูกทิ้งไว้ข้างถนน แมวสามสีเล็กๆตัวหนึ่ง ครอบครัวของเธอ
ครอบครัวที่เธอเคยอยู่ด้วยทิ้งเธอไว้ในป่าเก่าแก่ที่ถูกลืมแห่งนี้ ป่าที่ฝนกำลังตกจนขนนุ่มของเธอเปียกโชกอยู่นี้....”
The Underneath หรือชื่อ “ตำนานแห่งป่าอันสาบสูญ”
ในฉบับภาษาไทยคือหนังสือเล่มที่ว่า
ชื่อเรื่อง The Underneath ในต้นฉบับภาษาอังกฤษนั้นดูจะสอดคล้องและ “ใช่” กับเรื่องราวในเรื่อง
แต่ชื่อของฉบับภาษาไทยก็คงช่วยให้หนังสือขายได้ง่ายขึ้นมากขึ้นกระมัง (ในความคิดของสำนักพิมพ์)
เรื่องราวของความรัก ความผูกพันของแมวสามสีที่ถูกทอดทิ้ง ลูกๆของเธอ และหมาล่าเนื้อแก่ที่ถูกโซ่ล่ามไว้ตลอดเป็นเวลาหลายปี หมาล่าเนื้อที่ร้องเพลงได้ไพเราะและเศร้าโศกกว่าใคร
ไม่ใช่แค่หมาแก่ แต่ในป่ายังมีปีศาจในร่างมนุษย์ ยายงูเก่าแก่ที่ถูกฝังอยู่ใต้ต้นสนอายุพันปี เจ้าแห่งจระเข้ผู้ยิ่งใหญ่ และเรื่องราวเมื่อหนึ่งพันปีก่อนที่ต้นไม้ยังคงขับขานเล่าเรื่องราวแก่กันผ่านสายลม...ยัง
ยังไม่หมด ห้วยระทมน้อยนั่นอีกล่ะ สถานที่เกิดเรื่องน่าเศร้าใจเมื่อหนึ่งพันปีก่อน
เมื่ออ่านจบ...ฉันอยากได้ฉบับภาษาอังกฤษมาเก็บไว้อ่านซ้ำเพราะชอบใจบทเพลงที่หมาแก่ในเรื่องร้อง
บทเพลงที่กระซิบชวนแมวสามสีเดินเข้ามาลึกในป่าและเรื่องราวอีกหนึ่งเรื่องก็เริ่มต้นและจบลงภายในป่าและห้วยระทมน้อยนั่นเอง
เล่ามาขนาดนี้ คนที่มาอ่านก็คงรู้แล้วว่าฉันชอบหนังสือเล่มนี้หรือไม่
The Underneath หรือ “ตำนานแห่งป่าอันสาบสูญ”
Kathi Appelt เขียน
ธารพายุ แปล
สนพ. แพรวเยาวชน
ปกฉบับภาษาอังกฤษและภาพประกอบในเรื่องโดย
David Small
ออกแบบปกฉบับภาษาไทย โดย นฤมล
เสือแจ่ม
|
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)