พยายามฝึกความอดทนและดัดนิสัยตัวเองให้ละเอียดลออขึ้น....ยังไม่สำเร็จกับรูปนี้...
แต่ขณะที่วาดไปถึงจุดหนึ่งก็รู้สึกขึ้นมาว่าตัวเองใจเย็นขึ้นเยอะ เมื่อเทียบกับการหัดวาดเมื่อปลายปีก่อน
30 ตุลาคม 2555
24 ตุลาคม 2555
ชวนอ่าน : Bel Canto อุบัติรักข้ามขอบฟ้า
หลังจากการ”ดอง” หนังสือเล่มนี้ไว้บนชั้นเกือบห้าปี ในที่สุดฉันก็เริ่มอ่าน อ่านไปเรื่อยๆตั้งแต่เริ่มงานสัปดาห์หนังสือฯจนจบก่อนงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติสิ้นสุด
ในช่วงแรกของ “เบล แคนโต้ “
ฉํนต้องฝืนตัวเองให้อ่านนิยายเรื่องนี้ไปตามจังหวะที่เนิบนาบ บทบรรยายของผู้แต่งดำเนินไปในจังหวะที่ฉันไม่นิยมนัก แต่พอได้ทำความรู้จักกันไปสักสามสิบหน้า ฉันก็เริ่มคุ้นเคย....สายตาและความคิดฉันก็เต้นเข้ากันกับจังหวะเนิบนาบละเมียดละไมนี้
เบล แคนโต้
เริ่มเรื่องด้วยบรรยากาศในงานเลี้ยงวันเกิดแขกคนสำคัญของประเทศประเทศหนึ่ง
ในงานเต็มไปด้วยสิ่งหรูหราสวยงามที่ระดมมาตกแต่งในงานเพื่อหวังจะให้แขกชาวญี่ปุ่น
ผู้เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่ประทับใจและหันมาลงทุนในประเทศยากจนแห่งนี้ นักร้องโอเปร่าสาวผู้โด่งดังที่นักธุรกิจใหญ่ผู้นี้ชื่นชอบได้รับเชิญมาร้องเพลงในงาน สิ่งสวยงาม...บทเพลงไพเราะจับใจเคลือบสีสันให้งานเลี้ยงนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศรื่นเริง แต่แล้วผู้ก่อการร้ายกลุ่มหนึ่งได้แฝงเข้ามาในงานและจับตัวทุกคนเป็นตัวประกัน
ตัวประกันจำนวนหลายร้อยคนมันมากเกินไป ผู้ก่อการร้ายจึงปล่อยตัวประกันส่วนใหญ่ไป เหลือไว้แต่คนสำคัญที่ใช้ต่อรองได้ แต่แล้วการต่อรองที่ผิดแผนนั้นก็ดำเนินยืดเยื้อไปกว่าสี่เดือน
เราคาดหวังว่าเวลากว่าสี่เดือนนี้...ภายในบ้านหลังใหญ่ที่จัดงานเลี้ยง....ชีวิตของตัวประกันซึ่งมีทั้งนักธุรกิจ
ล่าม นักร้อง
นักการเมืองกับผู้ก่อการร้ายที่มีผู้นำกองกำลังเป็นนายพลไม่กี่คนกับเด็กที่อายุเพียงเพิ่งแตกหนุ่มและสาวน้อยที่ซ่อนใบหน้าสวยหวานไว้ใต้หมวกและชุดทหารจะดำเนินไปอย่างไรกัน
แน่ละ...
ความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันระหว่างผู้ก่อการร้ายและตัวประกัน
ความตระหนักถึงชีวิตของตนเองเมื่ออยู่ภายนอกกำแพงที่ขังไว้กับชีวิตภายในรั้วกำแพงในฐานะตัวประกัน...รวมไปถึงความรัก ความรู้สึกทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่ผ่านเข้ามาในทุกชีวิตของตัวละครจนตัวละคร
(และคนอ่านเอง) ก็เคลิ้มไปกับเรื่องราวในกำแพงนั่นและอยากให้ทุกอย่างในกำแพงนั่นยังคงเป็นของมันอยู่อย่างนั้น
ไม่เปลี่ยนแปลงไป
แต่ความเป็นจริงบนโลกใบนี้ มันยอมให้เราเป็นอย่างที่เราหวังหรือ...นั่นเป็นสิ่งที่คนอ่านต้องพบคำตอบเองจากหนังสือนิยายเล่มนี้ที่เขียนโดยแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จับตัวประกันในประเทศเปรูเมื่อปี
ค.ศ. 1996
ที่เราเรียกได้ว่าเรื่องราวการจับตัวประกันในนิยายแทบจะถอดมาจากเหตุการณ์ครั้งนั้นเลยทีดียว ผู้แปลเล่าว่าเมื่อเธอค้นหาข้อมูลเพิ่ม เธอพบว่าในฉากจบ ในสนามฟุตบอลที่มีภาพเด็กผู้ชายเล่นฟุตบอลกันอยู่นั้น มันเหมือนกับเหตุการณ์จริงเลยทีเดียว
เบล แคนโต้ : อุบัติรักข้ามขอบฟ้า หรือ Bel Canto
ในฉบับภาษาอังกฤษ (ที่มาจากภาษาอิตาเลียนที่แปลว่าการขับร้องที่ไพเราะ)
Ann Patchett :
เขียน
จิตราภรณ์ วนัสพงศ์ : แปล
แพรวสำนักพิมพ์ , 2547
หมายเหตุ : เหตุการณ์จับตัวประกันในเปรูครั้งนั้น อ่านเรื่องราวแบบไม่เจาะลึกได้จาก link นี้ค่ะ
http://en.wikipedia.org/wiki/Japanese_embassy_hostage_crisis
http://en.wikipedia.org/wiki/Japanese_embassy_hostage_crisis
20 ตุลาคม 2555
วาดสนุกกับใบไม้ - ใบว่านธรณีสาร
หลังจากเอาสีผสมอาหารเก่ามาใช้วาดรูปหลายรอบ
ได้ฤกษ์เล่นแบบเด็กๆอีกครั้งโดยครั้งก่อนระบายสีลงบนใบไม้แล้วประทับใบไม้ลงบนกระดาษ...เสร็จแล้วเราก็ค่อยมาดูว่าจะวาดภาพต่อให้ออกมาเป็นรูปอะไร แต่คราวนี้ร่างภาพไว้แล้วค่อยประทับลายใบไม้ลงไป
ก่อนนี้เคยใช้ใบแสงจันทร์มาเล่น ลายใบไม้ชัดดี พอมาลองใช้ใบไม้สัมผัสละเอียดอย่างใบว่านธรณีสารที่ร่วงจากต้นมาเเล่นแทน พอประทับลงไปแล้วไม่ค่อยเห็นแฮะ ไม่รู้ว่าเพราะผิวใบไม่ซับสีหรือเพราะใบที่ใช้มันแห้งกรอบเกินไปแล้ว
ยังไม่เหมือนอย่างที่ใจคิด แต่ก็สนุกดี ใช้เฉพาะสีชมพูทาใบไม้ แล้วแต้มสีเหลือง สีเขียวเพิ่มลงไป
ถึงยังไม่ได้อย่างใจแต่ก็คิดว่าอยากจะลองเล่นแบบนี้สักหลายๆที :)
ได้ฤกษ์เล่นแบบเด็กๆอีกครั้งโดยครั้งก่อนระบายสีลงบนใบไม้แล้วประทับใบไม้ลงบนกระดาษ...เสร็จแล้วเราก็ค่อยมาดูว่าจะวาดภาพต่อให้ออกมาเป็นรูปอะไร แต่คราวนี้ร่างภาพไว้แล้วค่อยประทับลายใบไม้ลงไป
ก่อนนี้เคยใช้ใบแสงจันทร์มาเล่น ลายใบไม้ชัดดี พอมาลองใช้ใบไม้สัมผัสละเอียดอย่างใบว่านธรณีสารที่ร่วงจากต้นมาเเล่นแทน พอประทับลงไปแล้วไม่ค่อยเห็นแฮะ ไม่รู้ว่าเพราะผิวใบไม่ซับสีหรือเพราะใบที่ใช้มันแห้งกรอบเกินไปแล้ว
ยังไม่เหมือนอย่างที่ใจคิด แต่ก็สนุกดี ใช้เฉพาะสีชมพูทาใบไม้ แล้วแต้มสีเหลือง สีเขียวเพิ่มลงไป
ถึงยังไม่ได้อย่างใจแต่ก็คิดว่าอยากจะลองเล่นแบบนี้สักหลายๆที :)
![]() |
คราวนี้ร่างภาพไว้ก่อนแล้วค่อยคิดว่าจะเอาใบอะไรใช้เป็นพิมพ์ประทับ เลือกเอาใบว่านธรณีสารสัมผัสละเอียดมาใช้ |
![]() |
เสร็จแล้ว :) ลงสีพื้นกับตัวคนและเก้าอี้ด้วยสีน้ำ |
13 ตุลาคม 2555
The Giving Tree...My Giving Tree
เคยเล่าเรื่องไว้ใน http://whitemomo.multiply.com (May 16, 2008)
'Once there was a tree...and she loved a little boy.'
ใน
บล็อกที่แล้ว
เพื่อนเคนเน็ธบอกว่าไม่ชอบอ่านตัวหนังสือ...ชอบดูภาพมากกว่า...หนังสือภาพ
เป็นสิ่งแรกที่เอ็มนึกถึงก่อนที่จะนึกถึงรูปถ่ายดีๆที่แทนคำนับล้าน
...และ
หนังสือภาพเล่มแรกที่เอ็มคิดถึงคือหนังสือเล่มนี้ค่ะ...หนังสือที่เอ็มกับ
เค้าทำความรู้จักกันครั้งแรกเมื่อเกือบสิบปีก่อน...และการทำความรู้จักกัน
ครั้งแรกก็เป็นการยืนอ่านหนังสือเล่มนี้ (ซึ่งยังไม่ได้ซื้อ)
ที่ร้านคิโนะคูนิยะ
สาขาอิเซตัน....เราทำความรู้จักกันด้วยภาษาไทยก่อนด้วยฉบับแปล....และด้วย
น้ำตาที่ไหลแบบต้องหลบซ่อนกลางร้านหนังสือในทันทีที่เรารู้จักกันแค่ 2 นาที
หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อคนแต่ง...แต่ถ้าพูดถึงหนังสือ The Missing Piece หรือ The Missing Piece Meets the Big O เรื่องของวงกลมแหว่งๆที่ตามหาสิ่งที่ขาดหายมาเติมเต็ม และเรื่องของสามเหลี่ยมแล็กๆที่ลองพยายาม”ฟิต”กับหลายสิ่งที่ผ่านมาบนทางของเขา....คิดว่าหลายคนคงนึกออก เพราะเมื่อหลายปีก่อน หนังสือ 2 เล่มนี้โดยเฉพาะ The Missing Piece ถูก
แปลงแล้วส่งต่อผ่านอินเตอร์เน็ทไปทั่ว...เรื่องราวของวงกลมเว้าแหว่งกินใจคน
เกือบทุกคนที่กำลังตามหาใครซักคนหรือที่ใดซักที่ซึ่งจะเติมชีวิตให้สมบูรณ์
...แต่ The Giving Tree ไม่ใช่เรื่องราวแบบนั้นค่ะ ;-)
...ไม่รู้ว่าเพราะลายเส้นที่ชัดเจนและถ้อยคำ “น้อยแต่มาก” หรือเปล่า The Giving Tree เลยถูกตีความไปหลายอย่างตามแต่ว่าเราจะจินตนาการว่า The Tree คือ
ใคร คืออะไร
....เอ็มเองอ่านหลายรอบ...หลังๆก็ตีความมันต่างไปจากเดิมได้เรื่อยๆ...แต่
ความรู้สึกแรกที่ได้อ่านน่าจะเป็นความรู้สึกสุดพิเศษที่ทำให้รักหนังสือเล่ม
นี้มาตลอด
The Giving Tree มีเรื่องราวสมชื่อค่ะ...ต้นไม้ที่มีแต่ให้...
ลอง
หาอ่านกันดูนะคะ...แล้วเราจะพบกับความรักที่มีแต่ให้...ความรักที่ล้นออกมา
จากภาพลายเส้นไม่กี่หน้า...ถ้อยคำไม่กี่ประโยคซึ่งพิสูจน์ให้เห็นพลังของภาพ
และความสามารถของนักเขียน....แล้วเรามาลองคุยกันดูดีกว่าว่า เราคิดว่า The Tree คือใคร...และ The Boy ในเรื่องนั้นคือใคร...ถ้าอ่านฉบับภาษาอังกฤษไปเลยจะยิ่งดีค่ะ...ภาษาที่ใช้ไม่ยาก (เพราะยาก เอ็มก็คงอ่านไม่ได้ ;p )
วันนี้
ของทุกปีเป็นวันพิเศษของเอ็มค่ะ...เลยอยากเขียนถึงเรื่องนี้...เพราะวันนี้
เป็นวันที่เตือนให้เอ็มนึกถึงความรักมากล้นของ The Giving Tree ของเอ็ม ^__^”
...ถ้าสนใจหนังสือของ Shel Silverstein ....ก็
ลองทำความรู้จักเค้าผ่านเว็บไซต์นะคะ...เพราะเว็บไซต์นี้พิเศษตรงที่เราจะ
ได้ลองอ่านหนังสือภาพของเค้า 2-3 หน้าแรกแบบเคลื่อนไหวได้ด้วย...เสียดายแต่
Shel เสียชีวิตลงแล้วค่ะ โลกจึงขาดคนที่สร้างสรรค์ลายเส้นและเรื่องราวกินใจผ่านหนังสือและบทเพลงไปอีกคน (คนที่รักเสียงเพลงอาจจะรู้จักเค้าในอีกมุมนะคะ ....เพราะ Shel Silverstein เป็นคนแต่งเพลงชื่อ A Boy Named Sue ที่ขับร้องโดย Johnny Cash ค่ะ)
12 ตุลาคม 2555
ชวนอ่าน : ตำนานแห่งป่าอันสาบสูญ
มีหลายครั้งที่เสียงลึกลับจะกระซิบเรียกเราให้เดินไปทางนั้น
ทางนี้
ไม่ว่าไปแล้วจะพบเรื่องดีหรือเรื่องร้าย...แต่เราจะได้พบกับอะไรสักอย่างหนึ่งที่มีความหมายต่อเราแน่นอน ฉันเชื่ออย่างนั้น
ดังนั้น
เมื่อเสียงกระซิบเรียกอีกครั้ง
ฉันซึ่งเคยเชื่อและได้พบหนังสือที่อยากได้ซ่อนตัวอยู่ในกองหนังสือเก่าบนแผงขายของในตลาดนัดจึงไม่รีรอที่จะเดินตามเสียงเรียกนี้ไปอีก
แล้วฉันก็เจอหนังสือเล่มนี้
หนังสือที่ถ้าเห็นบนชั้นในร้านหนังสือใหม่ก็อาจจะไม่ลองเปิดอ่าน ไม่ว่าปกหลังจะโปรยว่าหนังสือเล่มนี้ได้รางวัล Newbery
Honor 2009, ALA
Notable Children’s Book 2009 หรือเข้ารอบสุดท้ายของรางวัล National
Book Award 2008
แต่ฉันก็ยอมรับว่าท่ามกลางกองหนังสือหลากหลาย ป้ายราคาหนึ่งร้อยบาท
กับสีเทาอมเงินของตรารางวัล Newbery Honor Book ที่แปะอยู่บนปกหน้านั้นส่องประกายอ่อนๆ
เตะตาชวนให้ฉันหยิบพลิกเปิดดู
ฉันซื้อหนังสือเล่มนี้เพราะคำอุทิศของผู้เขียนที่ว่า
“แด่ เกรกและซินเทีย
เพราะมีความรักและมีแมว
แล้วสองสิ่งนั้นไม่เหมือนกันหรือ -เค.เอ.” ....และบทเริ่มต้นของเรื่องที่ว่า
“ไม่มีอะไรเหงาไปกว่าแมวตัวหนึ่งซึ่งเคยได้รับความรัก อย่างน้อยก็พักหนึ่ง แล้วจึงถูกทิ้งไว้ข้างถนน แมวสามสีเล็กๆตัวหนึ่ง ครอบครัวของเธอ
ครอบครัวที่เธอเคยอยู่ด้วยทิ้งเธอไว้ในป่าเก่าแก่ที่ถูกลืมแห่งนี้ ป่าที่ฝนกำลังตกจนขนนุ่มของเธอเปียกโชกอยู่นี้....”
The Underneath หรือชื่อ “ตำนานแห่งป่าอันสาบสูญ”
ในฉบับภาษาไทยคือหนังสือเล่มที่ว่า
ชื่อเรื่อง The Underneath ในต้นฉบับภาษาอังกฤษนั้นดูจะสอดคล้องและ “ใช่” กับเรื่องราวในเรื่อง
แต่ชื่อของฉบับภาษาไทยก็คงช่วยให้หนังสือขายได้ง่ายขึ้นมากขึ้นกระมัง (ในความคิดของสำนักพิมพ์)
เรื่องราวของความรัก ความผูกพันของแมวสามสีที่ถูกทอดทิ้ง ลูกๆของเธอ และหมาล่าเนื้อแก่ที่ถูกโซ่ล่ามไว้ตลอดเป็นเวลาหลายปี หมาล่าเนื้อที่ร้องเพลงได้ไพเราะและเศร้าโศกกว่าใคร
ไม่ใช่แค่หมาแก่ แต่ในป่ายังมีปีศาจในร่างมนุษย์ ยายงูเก่าแก่ที่ถูกฝังอยู่ใต้ต้นสนอายุพันปี เจ้าแห่งจระเข้ผู้ยิ่งใหญ่ และเรื่องราวเมื่อหนึ่งพันปีก่อนที่ต้นไม้ยังคงขับขานเล่าเรื่องราวแก่กันผ่านสายลม...ยัง
ยังไม่หมด ห้วยระทมน้อยนั่นอีกล่ะ สถานที่เกิดเรื่องน่าเศร้าใจเมื่อหนึ่งพันปีก่อน
เมื่ออ่านจบ...ฉันอยากได้ฉบับภาษาอังกฤษมาเก็บไว้อ่านซ้ำเพราะชอบใจบทเพลงที่หมาแก่ในเรื่องร้อง
บทเพลงที่กระซิบชวนแมวสามสีเดินเข้ามาลึกในป่าและเรื่องราวอีกหนึ่งเรื่องก็เริ่มต้นและจบลงภายในป่าและห้วยระทมน้อยนั่นเอง
เล่ามาขนาดนี้ คนที่มาอ่านก็คงรู้แล้วว่าฉันชอบหนังสือเล่มนี้หรือไม่
The Underneath หรือ “ตำนานแห่งป่าอันสาบสูญ”
Kathi Appelt เขียน
ธารพายุ แปล
สนพ. แพรวเยาวชน
ปกฉบับภาษาอังกฤษและภาพประกอบในเรื่องโดย
David Small
ออกแบบปกฉบับภาษาไทย โดย นฤมล
เสือแจ่ม
|
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)